In Christ
ที่ๆ คุณพบว่าคุณเป็นใคร มีสิ่งใด และทำสิ่งใดได้ในพระคริสต์
Permalink : http://www.oknation.net/blog/inchrist วันศุกร์ ที่ 16 พฤศจิกายน 2550
Posted by ชาญชิต , ผู้อ่าน : 48 , 17:14:59 น.
ในพระคริสต์ ไม่มีการกล่าวโทษ
เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ (ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ) - รม. ๘:๑
“การลงโทษ” ในภาษากรีกนอกจากแปลว่า “การลงโทษ” แล้วยังหมายถึง “การกล่าวโทษ, การตัดสินว่าเป็นคนใช้ไม่ได้, ด่าว่า, ตำหนิ. ตราหน้า” ด้วย
แม้คริสเตียนจะอยู่ในพระคริสต์แล้วก็ตาม (๒ คร. ๕:๑๗) แต่คริสเตียนจำนวนมากยังคงถูกพันธนาการด้วยการกล่าวโทษตนเอง การกล่าวโทษตนเองนี้คืออุปสรรคขัดขวางการมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ขัดขวางการดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ขัดขวางการกระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิต
แต่จากข้อนี้กล่าวว่า “การกล่าวโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” แล้วทำไมคริสเตียนมากมายยังคงทนทุกข์ทรมานกับการกล่าวโทษอยู่ ใครเป็นผู้กล่าวโทษเขา?
หากถามคริสเตียนส่วนใหญ่จะตอบไปในแนวเดียวกันคือ “พระวิญญาณทรงกล่าวโทษฉัน” โดยอ้าง ยน. ๑๖:๘ “...พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา” แต่เขาลืมไปว่าข้อนี้พระองค์ทรงแจ้งความผิดกับ “โลก” ไม่ใช่กับคุณ “โลก” หมายถึงใคร คำตอบอยู่ในข้อต่อไป ข้อ ๙ “ในเรื่องความผิดนั้น คือเพราะเขาไม่วางใจในเรา” “โลก” คือทุกคนที่ไม่วางใจในพระเยซู” เมื่อคริสเตียนประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู (ถ้าไม่พูดเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย ก็ไม่ใช่ข่าวประเสริฐ) พระวิญญาณจะทรงแจ้งสามสิ่งต่อคนที่คุณประกาศ คือความผิด ความชอบธรรมและการพิพากษา เพื่อเขาจะรู้แจ้งและตัดสินใจรับความรอด ดังนั้นพระวิญญาณไม่ทรงกล่าวโทษคุณ!
แล้วใครกันที่กำลังกล่าวโทษคุณอยู่ในเวลานี้ มีสองบุคคล
๑. จิตสำนึกคุณเอง - เปาโลกล่าวว่าจิตสำนึกมนุษย์จะกล่าวโทษตนเมื่อตนทำผิด
“...ใจสำนึกผิดชอบก็เป็นพยานของเขาด้วย ความคิดขัดแย้งต่างๆของเขานั้นแหละจะกล่าวโทษตัวเขา...” (รม. ๒:๑๕)
๒. มาร - พระธรรมวิวรณ์กล่าวว่ามารเป็น “ผู้ที่กล่าวโทษพวกพี่น้องของเรา ต่อพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน”
ความแตกต่างระหว่างจิตสำนึกกับมารคือ คุณสามารถทำบางสิ่งที่ผมจะแบ่งปันต่อจากนี้ แล้วจิตสำนึกของคุณจะเลิกกล่าวโทษ และคุณจะมีจิตสำนึกบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าได้ (กจ. ๒๓:๑) แต่คุณอย่าหวังว่ามารจะเลิกกล่าวโทษคุณง่ายๆ
ทันทีที่จิตสำนึกเตือนคุณว่าคุณบาปหรือพลาดเป้า อย่าวิ่งหนีพระเจ้าแต่จงวิ่งเข้าหา พระองค์เท่านั้นที่ช่วยคุณได้ พระองค์ทรงพร้อมยกบาปทั้งสิ้นให้คุณ และทรงพร้อมที่จะชำระคุณให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น มั่นใจในความสัตย์ซื่อและความเที่ยงธรรมของพระองค์ได้เลย (๑ ยน. ๑:๙) แล้วจิตสำนึกของคุณจะเลิกกล่าวโทษคุณ
ข้อความท้ายข้อในวงเล็บซึ่งไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับภาษาไทย แต่มีในฉบับ Textus Receptus ซึ่งเป็นต้นฉบับของคิงเจมส์ เวอร์ชั่น นั่นคือ (ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ) หากคุณดำเนินชีวิตตามผ่ายวิญญาณ ดำเนินโดยความรัก ดำเนินตามพระวจนะ จิตสำนึกคุณจะไม่กล่าวโทษคุณเลย
แต่อย่าคิดว่ามารจะเลิกกล่าวโทษคุณ ถ้าคุณอนุญาตมัน มันจะกล่าวโทษคุณไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตคุณ ความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับมารคือ เมื่อพระเจ้าทรงอภัย พระองค์จะไม่ทรงจดจำ (อสย. ๔๓:๒๕) แต่มารจะจดจำทุกเรื่องของคุณ และคอยรื้อฟื้นทั้งกลางวันและกลางคืน และเพราะคริสเตียนเข้าใจผิดว่าพระเจ้าทรงกล่าวโทษเขา เขาจึงยอมให้คำกล่าวโทษนี้ครอบงำชีวิตเขาไปตลอด โดยเข้าใจผิดว่าเขากำลังคิดอย่างคนถ่อมใจ ซึ่งส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ขัดขวางการดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ขัดขวางการกระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิต อาการแบบนี้จะดำเนินไปตลอดชีวิตเขา
ถึงเวลาแล้วที่จะกล่าวถ้อยคำแห่งความเชื่อ นั่นเป็นการต่อต้านมาร แล้วมารจะหนีคุณไป (ยก. ๔:๗)
แล้วจิตสำนึกของคุณจะเข้มแข็งขึ้น และบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า คุณจะมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ กระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าจนสำเร็จในชีวิต นั่นคือความสุขที่แท้จริงในชีวิต
ถ้อยคำสำหรับกล่าวด้วยความเชื่อ: เหตุฉะนั้นการลงโทษ การกล่าวโทษ การตัดสินว่าเป็นคนใช้ไม่ได้ ด่าว่า ตำหนิ ตราหน้า จึงไม่มีแก่ข้าพเจ้าที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะข้าพเจ้าไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)
-
วันที่ 18/8/2011
เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน
ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น
พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
13 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น