การอุทิศตน
สำหรับประเด็นเรื่องการอุทิศตนนั้น อยากจะขอแบ่งออกเป็นประเด็นการเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ และเป็นคนงานที่อดทน
1. ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ
1.1 สัตย์ซื่อในแรงจูงใจ
"เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในการอธิษฐานอยู่เสมอนั้น ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยจิตสำนึกอันบริสุทธิ์ เช่น บรรพบุรุษของข้าพเจ้า" (2ทิโมธี 1:3)
อาจารย์เปาโลให้ความสำคัญกับแรงจูงใจอย่างมาก
"เพราะว่า คำเตือนสติของเรา มิได้เกิดมาจากความคิดผิด หรือการโสโครก หรืออุบายใด ๆ" (1เธสะโลนิกา 2:3)
"เพราะพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ ด้วยชีวิตจิตใจของข้าพเจ้า ในการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระบุตรของพระองค์นั้น ทรงเป็นพยานของข้าพเจ้าว่า เมื่อข้าพเจ้าอธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านทั้งหลายเสมอไม่ว่างเว้น" (โรม 1:9)
จิตสำนึกของเรา ถูกเปิดเผยกับพระเจ้าเสมอ มนุษย์ดูที่ผลงาน แต่พระเจ้าดูที่แรงจูงใจ
มีหลายคนที่มารับใช้พระเจ้า เพราะหวังผลประโยชน์บางประการ อาทิเช่น บางคนในชีวิตของเขาล้มเหลว แต่เมื่อเข้ามารับใช้ในโบสถ์ก็มีคนให้การยอมรับมากมาย เป็นต้น แต่คนที่รับใช้พระเจ้าเพื่อหวังผลประโยชน์เช่นนี้ ในที่สุดก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะวันหนึ่งเมื่อเขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็จะเลิกที่จะรับใช้พระเจ้า
ถ้าเราต้องการที่จะยืนหยัดรับใช้พระเจ้า เราจะต้องมีแรงจูงใจที่ถูกต้อง
1.2 สัตย์ซื่อต่อของประทาน
"อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น" (2ทิโมธี 1:6)
อาจารย์เปาโลเตือนถึงเรื่องของประทาน แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ การไม่นำของประทานที่พระเจ้าประทานให้แก่เรามาใช้นั้น เป็นการเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า
ของประทานที่อยู่ในตัวของเรานั้น จะยังไม่สมบูรณ์ ดังเช่นของประทานของท่านทิโมธีนั้น ได้เริ่มต้นโดยผ่านการวางมือ แต่อาจารย์เปาโลได้เตือนให้ท่านทิโมธีกระทำแก่ของประทานของท่าน คือ "พัดกระพือให้ไฟลึกเต็มขนาด"
ของประทานในพระคัมภีร์มีมากมาย เป็นการกระทำที่ทำให้พี่น้องจำเริญขึ้นในพระเยซูคริสต์ เป็นการทำให้คนที่เป็นคริสเตียนหรือไม่เป็นคริสเตียนดีขึ้นในทางของพระเจ้า ต้องเริ่มต้นด้วยท่าทีที่ถูกต้อง
ประโยชน์ของการใช้ของประทานนั้น อยู่ที่มนุษย์ด้วยกันเอง การรับใช้พระเจ้าแท้จริงแล้ว คือการรับใช้มนุษย์นั้นเอง เพราะว่าพระองค์ทรงสมบูรณ์ พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้เราทำสิ่งใดเพื่อพระองค์ พระองค์ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เราเล่นดนตรีให้เราฟัง เพราะว่ามาตรฐานของพระองค์คงจะเกินความสามารถของเรานัก แต่พระองค์จะทรงพอพระทัยเมื่อเรารับใช้พระองค์ และพระองค์ทรงประสงค์ให้เรารับใช้พี่น้อง
การที่เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น เจริญในหน้าที่การงาน มีลูกมากมายที่ต้องเลี้ยง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ถ้าสิ่งเหล่านื้ทำให้เราไม่รับใช้พระเจ้า แสดงว่าชีวิตเราเริ่มมีปัญหาแล้ว
1.3 สัตย์ซื่อต่อทีมงาน
"อย่าละลายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้าที่ถูกจำจองอยู่ เพราะเห็นแก่พระองค์ แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ โดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า" (2ทิโมธี 1:8)
ขณะที่อาจารย์เปาโลประกาศ แล้วเกิดผลมากมาย ประสบความสำเร็จ ทีมงานก็คงอยากทำงานร่วมด้วย แต่เมื่ออาจารย์เปาโลติดคุก โดนข่มเอง ก็จะมีผู้ที่เคยเป็นทีมงานบางคน แยกตัวออกมา ทิ้งทีมงานไป
"15 ท่านก็ทราบแล้วว่า คนทั้งปวงที่อยู่ในแคว้นเอเชียนั้น ต่างก็ผละไปจากข้าพเจ้าหมด ในพวกนั้นมีฟีเจลัส และเฮอร์โมเกเนสรวมอยู่ด้วย
16 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเมตตา แก่ครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วยเถิด เพราะเขาได้กระทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจบ่อยๆ เขาไม่มีความรังเกียจโซ่ตรวนของข้าพเจ้าเลย" (2ทิโมธี 1:15-16)
โอเนสิโฟรัส เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เรา เพราะเมื่ออาจารย์เปาโลถูกจองจำนั้น เขาก็ยังคงอยู่กับท่าน นี่แสดงถึงระดับของ commitment ที่เขามีต่อการรับใช้
"เพราะเหตุนั้นเอง ข้าพเจ้าจึงได้ทนทุกข์ลำบากเช่นนี้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอาย เพราะว่าข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อ และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า พระองค์ทรงสามารถรักษา ซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพระองค์ {หรือ ซึ่งพระองค์ได้ทรงมอบให้แก่ข้าพเจ้า} จนถึงวันพิพากษาได้" (2ทิโมธี 1:12)
ระดับ commitment ของแต่ละคนนั้น แปลผันตามระดับของการที่คนคนนั้นรู้จักกับพระเยซูคริสต์ ถ้าหากว่าผู้ใดรู้จักพระองค์ ก็จะยอมที่จะ commit เพื่อพระองค์ และการรู้จักนี้เอง เป็นความหมายของชีวิตนิรันดร์
"และนี่แหละ คือชีวิตนิรันดร์ คือที่เขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา" (ยอห์น 17:3)
ทุกวันนี้เรารู้จักกับพระเยซูคริสต์อย่างไร? รู้จักมากเพียงไร?
อาจารย์เปาโลมีประสบการณ์กับพระเจ้าอย่างมากมาย ท่านเองรู้จักพระเจ้า ท่านจึงยอมที่จะเผชิญความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ เพื่อพระองค์ แม้ว่าท่านจะรู้จักพระเจ้าอย่างมากมาย แต่ท่านเองก็ยังบอกว่า ท่านยังรู้จักพระองค์เพียงสลัว ๆ และท่านก็เชื่อมั่นว่าท่านจะรู้จักพระองค์มากขึ้นเมื่อท่านได้อยู่กับพระองค์
"เพราะว่า บัดนี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า " (1โครินธ์ 13:12)
1.4 สัตย์ซื่อแม้ไม่เป็นไปตามที่คิด
แม้ว่าอาจารย์เปาโลจะถูกจำจอง ยากลำบาก ทนทุกข์ ถูกผละ ติดกับโซ่ตรวน แต่ว่าท่านก็ไม่ย่อท้อที่จะรับใช้พระเจ้า เช่นเดียวกัน แม้ว่าผลของการรับใช้ของเราจะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ก็ขอที่เราจะไม่เลิกที่จะรับใช้
อ. ปดิพัทธ์ สันติภาดา
คำแบ่งปันคณะเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 01/02/2009
เรื่อง ศึกษาพระธรรม 2 ทิโมธี
วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)
-
วันที่ 18/8/2011
เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน
ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น
พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
13 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น