ตามพระดำรัสของพระเจ้า
กันดารวิถี ๙.๑๕-๒๓
คำนำ
ผู้เชื่อในพระเจ้า/คริสเตียนมักจะถามศิษยาภิบาลหรือผู้รับใช้ของพระเจ้าอยู่เสมอว่า “เราจะรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร?” จะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรจะเรียนอะไร? ทำงานอย่างไหน? แต่งงานกับใคร? ควรจะมีลูกกี่คน? จะถวายตัวรับใช้พระเจ้าแบบเต็มเวลา(ฟูลไทม์)หรือบางเวลา(พาร์ทไทม์)?เรารู้จักกับ ดร. ดิ๊ค ไอแวน ตอนแรกท่านเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกที่เมืองเซนต์พอล รัฐมินเนโซต้า ต่อมาพระเจ้าเรียกให้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา อีกคนหนึ่งคือ ดร. จอห์น ซี แมคแวลส์ ตอนแรกพระเจ้าเรียกท่านเป็นศิษยาภิบาล ต่อมาได้เปิดงานธุรกิจ และเกิดผลอย่างมากมายต้องพึ่งการทรงนำ
๑) เป้าหมายคือคานาอันคนอิสราเอลเป็นกองทัพที่เร่ร่อนพเนจรอยู่กลางทะเลทราย(๔๐ปี) เป้าหมายของพวกเขาคือคานาอันแผ่นดินแห่งพันธสัญญา(ตั้งแต่สมัยอับราฮาม) พวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยการทรงนำของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า จะออกเดินทางเมื่อไหร่? จะต้องไปทางทิศไหน? และจะหยุดพักเมื่อไหร่?
๒) เสาเมฆและเสาเพลิง “ในวันที่เจ็ดตั้งพลับพลานั้น มีเมฆมาปกคลุมพลับพลาไว้ คือเต็นท์พระโอวาท เวลาเย็นเมฆมาอยู่เหนือพลับพลา ปรากฏเหมือนเพลิงจนถึงรุ่งเช้า เป็นอย่างนั้นเสมอมา มีเมฆคลุม กลางคืนปรากฏเหมือนเพลิง เมื่อไรเมฆลอยขึ้นจากเต็นท์ ภายหลังนั้นพวกอิสราเอลก็ยกเดินไป ครั้นเมฆนั้นลอยหยุดอยู่ที่ใด คนอิสราเอลก็ตั้งค่ายที่นั่น” (กดว. ๙.๑๕-๑๗)เสาเมฆและเสาเพลิงปรากฏครั้งแรกเมื่ออิสราเอล อพยพออกจากเป็นทาสในอียิปต์ (อพย. ๑๓.๒๑-๒๒) และคงอยู่กับพวกเขาตลอดการเดินทางสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร (นหม. ๙.๑๙) เสาเมฆและเสาเพลิงเป็นเครื่องหมายบอกว่า “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางคนของพระองค์”อะไรคือเครื่องหมายแสดงว่า พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางพวกเราที่นั่น? เมฆคือความร่มเย็นเป็นสุข และไฟคือความสว่าง เพื่อนของเราคนหนึ่งได้บอกถึงลักษณะของคนที่ได้รับการทรงเรียกดังนี้
“ชีวิตที่บังเกิดใหม่ ใจรักพระเจ้า เพียรเฝ้าอธิษฐาน นำวิญญาณมารับเชื่อ ไม่เบื่อศึกษาพระธรรม ยำเกรงพระเจ้าสุดตัว ไม่มั่วโลกียะ มีชัยชนะต่อมาร มีแผนการและนิมิต ทุ่มชีวิตเพื่อรับใช้ เคลื่อนไหวโดยฤทธิ์เดช เทศนาข่าวประเสริฐ บังเกิดความหวัง รับพลังจากเบื้องบน นำทุกคนสู่ความเจริญ”ความสว่างและความมืด
เสามหัศจรรย์นี้ได้นำความสว่างมาสู่คนอิสราเอล แต่กลับนำความมืดมาสู่พวกศัตรูคือชาวอียิปต์ (อพย. ๑๔.๑๙-๒๐) บทเรียนอันล้ำค่าสำหรับคนในยุคปัจจุบัน ๓ ประการ คือ
๑) พระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก (ยน. ๘.๑๒)
๒) พระเจ้าทรงนำเราทุกคนออกมาจากความมืด เข้าสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ (๑ ปต. ๒.๙คส. ๑.๑๓) และพระองค์ตรัสแก่คริสเตียนว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก” (มธ. ๕.๑๔)
๓) พระเจ้าตรัสว่า ให้พวกเราดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง (๑ ยน. ๑.๔-๑๐) ตามพระดำรัสของพระเจ้า“คนอิสราเอลออกเดินตามพระดำรัสของพระเจ้า และเขาตั้งค่ายตามพระดำรัสของพระเจ้า ตราบใดที่เมฆพักอยู่เหนือพลับพลา เขาก็ยังตั้งค่ายอยู่” (กดว. ๙.๑๘)
๑) ไม่นำทางตนเองการรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าและกระทำตามเป็นสิ่งสำคัญมาก ทำให้ชีวิตคริสเตียนเกิดผลและมีความสุข “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทราบแล้ว ทางของมนุษย์ไม่อยู่ที่ตัวเขา คือไม่อยู่ที่มนุษย์ผู้ซึ่งดำเนินไปที่จะนำฝีก้าวของตนเอง” (ยรม. ๑๐.๒๓) ยากอบสอนเราให้พูดว่า “ถ้าพระเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ กระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น (ยก.๔.๑๓-๑๖)
๒) การเตรียมพร้อมในพระคัมภีร์ตอนนี้ เราจะพบกับคำว่า “ตามพระดำรัสของพระเจ้า” ถึง ๗ ครั้ง (ข้อ ๑๘, ๒๐, ๒๓) เป็นข้อความที่สำคัญมาก เพื่อคนของพระเจ้าจะทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ตามน้ำพระทัยของพระองค์ เสาเมฆและเสาเพลิงอาจจะอยู่เพียงวันเดียวหรือคืนเดียว สองสามวัน สัปดาห์หนึ่ง หรือหนึ่งปี “พวกเขาต้องพร้อมเสมอ”สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเราคือ ออกจากสถานที่เคยชิน ออกความสะดวกสบาย “บ้านที่เคยอยู่ อู่ที่เคยนอน หมอนที่เคยหนุน คุณที่เคยพึ่ง” อับราฮัมผ่านประสบการณ์แบบนี้ พระเจ้าตรัสบอกให้ออกจากบ้าน จากบิดาและญาติพี่น้อง “แล้วอับรามก็ไปตามพระดำรัสของพระเจ้า” (ปฐก. ๑๒.๑-๔) ท่านมองเห็นลูกหลานเต็มท้องฟ้าขณะที่มีอิสอัคเพียงคนเดียว ท่านมองเห็นแผ่นดินคานาอันอันกว้างใหญ่ไพศาล ขณะที่ตายได้ที่ฝังศพเพียงกว้างศอกยาววาเพลงคริสเตียนบท ๖๙ “แล้วแต่พระองค์เจ้า แล้วแต่พระทัย...”
สรุป
คริสเตียนต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ขอให้ตระหนักว่า การมีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ ก็ยากกว่าการตายเพื่อพระองค์.
ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังพี่น้องทุกท่านในวันนี้และพรุ่งนี้และตลอดไป
ทีมงานไทยเซอร์มอน
วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)
-
วันที่ 18/8/2011
เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน
ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น
พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
13 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น