http://www.cedthai.org/webboard.php?method=webboard&postnew=1&id=140&gid=4
เรื่อง “ทำไมต้องเป็นฉัน ?”
เทศนา
จุดประสงค์= เพื่อให้คริสเตียนมีใจออกประกาศ
ข้อพระคัมภีร์= มธ. 28:18-20;ลก.10:2;อสย.6:6-8
ชื่อเรื่อง= “ทำไมต้องเป็นฉัน ?”
กลุ่มคน= คริสเตียน
คำนำ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเสียงเพลงอันไพเราะ แต่สิ่งที่บทเพลงกำลังบรรยายถึงนั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนที่พบความทุกข์ ทำให้ค่ำคืนนี้ ผมไม่อาจพูดเรื่องราวที่สนุกสนาน ทำให้พี่น้องหัวเราะได้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้น ๆ ยิ่งถ้าพูดถึงสถานการณ์ทุกวันนี้ บางคนไม่สามารถนอนหลับอย่างมีความสุขได้ บางคนเผชิญความทุกข์ บางคนต้องเผชิญภัยธรรมชาติ บางคนเผชิญภัยความขัดแย้งจากคนด้วยกัน เช่นการก่อการร้าย มีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน เยาวชนถูกมอมเมาด้วยยาเสพติด หลายครอบครัวต้องหย่าร้างกัน หลายคนไม่มีทางออกต้องจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย บางชีวิตจบลงตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ด้วยการทำแท้ง เด็กบางคนคลอดออกมาก็ยังถูกทิ้ง เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจ จริยธรรมในสังคมเสื่อมทราม กฎหมายหรือประเพณีของบ้านเมือง ไม่สามารถช่วยให้สังคมหรือคนเรามีชีวิตที่ดีขึ้น
เนื้อหา
พระคัมภีร์ที่จะหาทางออกให้สังคมค่ำคืนนี้ปรากฏ ลูกา 10:2 (อ่านด้วยกัน)“2พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
ชีวิตผมเกิดมาเป็นลูกชาวนา ผมเคยทำนา จึงรู้วิธีการทำนาพอสมควร การทำนานี้ มีอยู่สองช่วงเวลาใหญ่ๆที่สำคัญ ชาวนานั้นต้องรีบเร่ง 1. ช่วงเวลาของการปักดำ ถ้าปักดำไม่ทันฤดู ข้าวจะให้ผลผลิตที่ไม่ดี 2. เวลาที่สอง เวลาของการเก็บเกี่ยว ถ้าเก็บเกี่ยวไม่ทันความเสียหายจะเกิดขึ้นกับผลิตผลที่ได้ ทั้งสองเวลานั้นมีความเสียหายที่แตกต่างกัน ชาวนาบางคน
ต้นฤดูไม่รีบเพราะคิดว่า ถ้าไม่ทัน ก็จ้างคนงานเพิ่ม แต่น่าสงสารเพราะถึงเวลาที่เร่งรีบ แม้มีเงินมากมายจ้าง มีอาหารที่ดี ๆ ให้คนงาน ก็ไม่สามารถหาคนงานดังที่อยากจะได้ ต่างคนต่างเร่งรีบ
เรื่องที่กำลังพูดเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่กำลังเจอความทุกข์อยู่ ถ้าเราย้อนดูพระคัมภีร์ ตอนเดียวกันใน มัธทิว 9:36 “36และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง ”
คนที่ถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง คงไม่มีใครบอกเขากำลังมีความสุข สถานการณ์ในเวลานั้นคงไม่ต่างอะไรจากสังคมทุกวันนี้ ทำไมสังคมเป็นอย่างนี้? คำตอบง่าย ๆ คนตกจากมาตรฐานที่พระเจ้าทรงสร้างมา
มีหนทางเดียว ที่จะทำให้คนกลับสู่สภาพที่ดีได้คือ ต้องรู้จักและเชื่อในพระเยซูคริสต์ การจะรู้จักและเชื่อนั้นแน่นอนว่า มีหลายหนทางหรือวิธีการ แต่หนทางหรือวิธีการหนึ่งที่จะพูดถึงคืนนี้คือ คนเราต้องได้ยินหรือรับรู้เรื่องราวของพระเยซูคริสต์
ใครจะเป็นคนที่ไปบอกให้ได้ยิน? ตัวเรานั้นแหละที่จะไปบอก คนที่เชื่อบางคนจึงมีคำถามในใจว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน?”
มีเหตุผลอย่างน้อยสามเหตุผล
*เหตุผลแรกว่า ทำไม่ต้องเป็นฉัน คือ
1. เป็นคำสั่งของพระเยซูคริสต์ มธ.28:18-20
- ผู้ที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์รู้ดีว่า นี้คือพระมหาบัญชาที่ทุกคนต้องกระทำ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า
ข้อพระคัมภีร์นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรา
* เหตุผลประการที่สอง ทำไมต้องเป็นฉันคือ
2. คนที่จะประกาศยังขาดอยู่ ลก.10:2
*เราอ่านแล้วสิ่งแรกที่เราจะตอบสนองคืออะไร ?
- คริสเตียนหลายคนก้มหน้าอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ พอเงยหน้าขึ้นมองซ้ายมองขวามองข้างหน้ามองข้างหลังรีบอธิษฐาน พระองค์เจ้าข้าขอใช้เขา ขอให้เขามีภาระใจมากขึ้นทุกวัน
ตัวอย่าง ให้มองตัวเอง (อ่านแล้วไม่เงยหน้า) เห็นอะไร ? ยืนขึ้นยังก้มหน้าเห็นอะไร ? (อ่าน อสย.52:7)
* เหตุผลประการที่สาม ทำไม่ต้องเป็นฉัน
3. เราทั้งหลายเป็นผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเยซูคริสต์แล้ว อสย.6:6-8
เบื้องหลังอิสยาห์ ก่อนที่อิสยาห์จะตอบรับพระเจ้าว่า เขาเองจะไป เขารู้สึกว่า ตัวเขาเอง มีริมฝีปากที่ไม่สะอาด แต่ทูตของพระเจ้าได้คีบถ่านเพลิงแล้วมาแตะที่ริมฝีปากของเขา และในที่สุดเขาบอกว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี้ ขอทรงใช้เถิด”
-สำหรับเราพระองค์ชำระหมดทั้งชีวิตของเรา เราสมควรเป็นคนหนึ่งที่จะพูดถึงความดีของพระองค์
ประยุกต์ใช้
- บางคนอาจจะพูดว่า ไม่จำเป็นที่เขาจะประกาศด้วยตัวเอง เขาจะทำงาน แล้วถวายเงินของเขาให้มากที่สุดเพื่อการประกาศ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับพันธกิจของพระเจ้า
ตัวอย่าง ผมทำพันธกิจประกาศผ่านกีฬา กับเยาวชน 4-5 ปี มาแล้ว ผมไม่เคยถามหางบประมาณ มีงบสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา 100 % มีคนสนับสนุนชุดกีฬาเต็มที่ แต่สิ่งที่พันธกิจต้องการมากที่สุดคือ คนที่มีปากที่จะพูดเรื่องราวของพระเยซูคริสต์
บางคนบอกว่า ไม่มีความรู้พระคัมภีร์ดีพอ การประกาศไม่ใช่เรื่องของความรู้พระคัมภีร์มากน้อย แต่เป็นการที่ผมและคุณ ไปบอกกับคนที่ยังไม่รู้จักและเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่า พระเยซูคริสต์มีดีอะไร ทำไม่ผมและคุณถึงเชื่อ บางคนสามารถพูดได้ว่า พระเยซูคริสต์เปลี่ยนตัวเขาเป็นคนละคน พระเยซูคริสต์เปลี่ยนตัวเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะพระเยซูคริสต์สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ เราจึงมีความจำเป็นต้องบอกกับคนที่ยังไม่รู้จัก บอกในสิ่งที่พระเยซูคริสต์เปลี่ยนแปลงเรา
ค่ำคืนนี้ หลายท่านเป็นนักศึกษา ท่านอาจจะคิดในใจเมื่อฉันจบแล้วจะประกาศอย่างเต็มที่ หลายท่านเป็นผู้รับใช้ใน คจ. ท่านอาจจะมีความคิดว่า ต้องสอนระวีฯ ต้องเทศนา ไม่เป็นไรจะสร้างสมาชิกให้ออกประกาศ
ถ้าเรามองดูสังคม นับวันความสูญเสียจะรุนแรงมากขึ้น ภัยธรรมชาติ ภัยจากสังคม จริยธรรมตกต่ำ สิ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้คือ คนต้อง เชื่อในพระเยซูคริสต์
สรุป “ทำไมต้องเป็นฉัน?” ไม่ใช่คำถามที่เราต้องหาคำตอบ เพราะ
- เป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ของสำหรับคนที่เชื่อ
-การประกาศยังต้องการคนงาน ที่จะบอกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์
-เราทั้งหลายถูกเปลี่ยนแปลงแล้วโดยพระเยซูคริสต์
ถ้าหากความเศร้าสลดเสียใจ ความสูญเสีย เกิดกับคนที่เรารู้จัก เกิดกับญาติพี่น้อง เกิดกับคนที่เรารัก เราจะไม่รีบลุกขึ้นเพื่อให้กำลังใจหรือบอกเรื่องของพระเยซูคริสต์โดยไม่คิดให้เสียเวลาใช่หรือเปล่า อย่ารอจนเขาจากไป อย่างไม่มีวันได้พบได้เจอกันอีกเลย
เราจะตอบสนองต่อพระคำของพระเจ้า ด้วยการร้องเพลงบทนี้ด้วยกัน(ใครจะไปบอก เพลงที่226 หน้า 101 เล่ม 2)
คำอธิษฐาน
วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)
-
วันที่ 18/8/2011
เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน
ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น
พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
13 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น