"พระเยซูตรัสกับเธอว่า 'เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า' " (ยอห์น 11:40)
เมื่อเราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เราทำเพื่ออะไร เช่น เรารับประทานอาหารเพื่ออะไร เราก็คงจะรู้ว่าเราจะรับประทานอาหารเพื่ออะไร แล้วการที่เรามาโบสถ์ล่ะ เรามาเพื่ออะไร ? เรามาโบสถ์ ก็เพื่อที่จะเติมชีวิต เพื่อรับชีวิตจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราไม่ใช่ชาวดิน แต่เราเป็นชาวฟ้า เป็นชาวสวรรค์ เราจึงต้องมาโบสถ์เพื่อได้รับการเปลี่ยนชีวิต เพราะตลอด 6 วันในแต่ละสัปดาห์ เราได้สัมผัสกับชีวิตชาวโลก ได้รับฟังการนินทาต่าง ๆ โลกและความบาปได้เปลี่ยนชีวิตของเราจากขาวกลายเป็นดำ ในวันอาทิตย์ เราจึงต้องมาโบสถ์ เพื่อให้พระเยซูคริสต์เปลี่ยนชีวิตของเราจากดำกลายเป็นขาว เพื่อจะรับสิ่งใหม่ที่พระเจ้าทรงเพิ่มเติมในสิ่งที่เราเสียไป เพราะเราเป็นชาวสวรรค์ ไม่ใช่ชาวดิน ขอพระเจ้าช่วยที่ชีวิตชาวดินของเราจะหมดไป แต่ขอที่ชีวิตชาวฟ้า ชีวิตชาวสวรรค์จะเข้ามาในชีวิตเรา
พี่น้องที่รัก เราจำเป็นต้องรู้ความจริง เพราะถ้าเราไม่รู้ความจริง เราก็จะถูกชักจูงให้หลงไป และเมื่อเราเข้าใจความจริง ความจริงจะทำให้เราเป็นอิสระ เป็นไท
ถ้าเราได้มีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ เราก็จะรักษาสุขภาพอย่างดี และเราก็จะไม่ต้องกลัวที่จะเป็นโรคภัยอะไร พระเจ้าทรงสร้างร่างกายของมนุษย์ที่จะป้องกันจากสิ่งอันตรายต่าง ๆ แต่ถ้าหากเราไม่ดูแลรักษาให้ดี ร่างกายของเราปรับตัวไม่ไหว และจะส่งผลเสียต่อร่างกายในที่สุด นำมาซึ่งความทุกข์โศก ถ้าเราเข้าใจความจริง เราก็จะดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง
เช่นเดียวกันกับชีวิตของเรา เราต้องเข้าใจชีวิตของเรา ร่างกายของเรามีแต่จะทรุดโทรมลง แก่ลง เจ็บป่วย และตายในที่สุด แต่พระเจ้ามิได้สร้างเราแค่นี้ ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้ เราก็จะไม่ทุ่มเททั้งชีวิตไปกับร่างกายนี้ คำถามที่เราควรถามเสมอ คือ ถ้าหากเวลานี้เราต้องจากโลกนี้ไป เราจะคว้าอะไรไปได้ ? อะไรที่จะติดตัวเราไปได้ ? เราคงจะเอาเครดิตการ์ด ทรัพย์สินเงินทองไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่เราเอาไปได้ คือ "ความเชื่อ" ดังนั้น เราต้องคิดว่า "ความเชื่อ" ที่จะไปกับเรานี้ เรามีมากเพียงไร ?
"ความเชื่อ" เป็นการที่เราเข้าใจในความจริงของพระเจ้า ตามความเป็นจริงของพระองค์ ไม่ใช่เชื่อตามความคิดหรือตามอารมณ์ ขอพระเจ้าเป็นพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงเป็น ความเชื่อที่ถูกต้องจึงจะมีอำนาจที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความบาป ช่วยให้เราหลุดพ้นจากความสงสัยต่าง ๆ และความจริงเหล่านี้จะปลดปล่อยให้เราเป็นไท จากการผูกมัดของโลกียวิสัย
ถ้าหากเราเชื่อพระเจ้าตามความคิดของเรา ตามความพอใจของเรา ชีวิตของเราคงจะไม่สามารถที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงได้ เราก็จะไม่ได้รับพระพร ไม่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
แต่ถ้าเราเข้าใจในความจริงพระเจ้าตามความจริงของพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นความรัก และทรงบริสุทธิ์ ความเชื่อที่แท้จริงเหล่านี้ จะทำให้เรามีความรู้สึก "เกลียดบาป" ไม่ใช่เพียงแค่รู้ดีรู้ชั่วเท่านั้น แต่เราจะเกลียดชังความบาปด้วย
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อพระเจ้า พระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าดังที่พระองค์ทรงเป็น พระองค์คงจะไม่เปลี่ยนไปเพราะเราคิดว่าพระองค์เป็นเช่นไร แต่ทรงเป็นอย่างที่ทรงเป็นอยู่ ดังนั้น ท่าทีของเราควรจะยำเกรงพระเจ้า
"เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์" (สดุดี 100:5)
ความเชื่อในความจริงของพระเจ้า จะทำให้ชีวิตของเรายกระดับ เพราะถ้าหากไม่มีความเชื่อที่ถูกต้อง เราจะเห็นชีวิตของเราเป็นใหญ่ และจะเห็นพระเจ้าเล็กลง เราจะมีชีวิตที่ซอมซ่อ ซ้ำซาก เหมือนหมูทุบ ที่จะต้องโดนทุบด้วยค้อนที่มีตะปุ่มตะป่ำอย่างซ้ำซาก แต่ถ้าเราเข้าใจพระเจ้าตามความเป็นจริง ว่าพระเจ้าทรงประเสริฐ ความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์ พระองค์ทรงมีพระสัญญาว่าจะอยู่กับเราทั้งหลายจนกว่าจะสิ้นยุค เมื่อ เราให้พระเจ้าเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา เราก็จะมองตัวเราเล็กลง เราก็จะไม่มีความสงสัยและไม่มีความกลัว และเราก็จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
"1 ดูก่อน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐ ที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่
2 และซึ่งจะทำให้ท่านรอด ถ้าท่านยังยึดตามหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่อเฉย ๆ" (1โครินธ์ 15:1-2)
ปัญหาของเราหลายคนอยู่ที่นี่ คือ "เชื่อเฉย ๆ" ความเชื่อเช่นนี้แหละเป็นความเชื่อที่ก่อให้เกิดความสงสัยต่าง ๆ มากมาย เพราะไม่ได้เชื่อพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงเป็น จะไม่ได้รับฤทธิ์เดชของพระเจ้า และพระเจ้าก็จะมิได้ทรงเคลื่อนไหวในชีวิตของเรา เราก็จะไม่สามารถเป็นพยานได้
แต่ถ้าความเชื่อที่แท้จริง จะเป็นความเชื่อที่ไม่มีความสงสัย ดังที่โมเสสเชื่อพระเจ้าอย่างไม่สงสัย ท่านจึงได้นำอิสราเอลข้ามทะเลแดงไปได้ ท่านจึงสามารถที่จะทำลายกำแพงเมืองเยรีโคได้ ความเชื่อเช่นนี้แหละ ที่จะทำให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะสามารถทำการใหญ่ในชีวิตของเราได้ เป็นความเชื่อที่ทำให้เราได้เห็นการเคลื่อนไหวของพระเจ้า และเมื่อเราได้เป็นพยาน คนที่เราเป็นพยานด้วยอาจจะไม่เชื่อ แต่เขาจะสนใจที่จะศึกษา มาร่วมนมัสการที่คริสตจักร
"7 อย่างไรก็ตาม เราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือ การที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์พระผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน
8 เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา" (ยอห์น 16:7-8)
ขอพระเจ้าช่วยที่เราจะบังเกิด ใหม่ฝ่ายวิญญาณ ที่เราจะรู้แจ้ง รู้อย่างชัดเจน ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าดังที่พระองค์ทรงเป็น เราจึงจะสามารถที่จะให้พระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์เดชผ่านชีวิตของเรา
ศจ. ประเสริฐ พรกีรติกุล
สรุปคำเทศนาโบสถ์ไทย คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 08/03/2009
เรื่อง เติมชีิวิต เพิ่มพระเกียรติ
วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)
-
วันที่ 18/8/2011
เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน
ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น
พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
13 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น