Custom Search By Google

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

How To Be Like Jesus (4)‏

ความอ่อนโยนของพระเยซูคริสต์ต่อคนทั้งหลาย (1)

พระองค์ทรงแข็งกร้าวกับความบาป แต่ทรงอ่อนโยนกับคน พระองค์ทรงรักผู้คนและปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นอย่างผู้ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี

สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงสำแดง คือ การให้อภัย

"1 แต่พระเยซูเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ
2 ในตอนเช้าตรู่พระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหารอีก คนทั้งหลายพากันมาหาพระองค์ พระองค์ก็ประทับนั่งและเริ่มสั่งสอนเขา
3 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ได้พาผู้หญิงคนหนึ่งมา หญิงผู้นี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี และเขาให้หญิงผู้นี้ยืนอยู่หน้าฝูงชน
4 เขาทูลพระองค์ว่า 'พระอาจารย์เจ้าข้า หญิงคนนี้ถูกจับเมื่อกำลังล่วงประเวณีอยู่
5 ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนเช่นนี้ให้ตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้'
6 เขาพูดอย่างนี้ เพื่อทดลองพระองค์หวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์ แต่พระเยซูทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดิน
7 และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า 'ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน'
8 แล้วพระองค์ก็ทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินอีก
9 แต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น เขาทั้งหลายจึงออกไปทีละคนๆ เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพัง กับหญิงคนนั้นที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
10 พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า 'หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ'
11 นางนั้นทูลว่า 'พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย' และพระเยซูตรัสว่า 'เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก' "(ยอห์น 8:1-11)

หญิงผู้หนึ่งได้ถูกจับ เพื่อที่จะลงโทษ และผู้นำได้เชิญพระเยซูคริสต์มาเพื่อที่จะพิพากษาลงโทษหญิงนั้น แต่พระองค์ทรงให้โอกาสที่เขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ พระองค์ทรงให้โอกาสกับหญิงคนนั้นที่แม้ว่าเขาจะทำผิด แต่เขาก็ได้รับความอับอายแล้ว

การที่เปโตรได้ปฏิเสธพระองค์ก่อนที่จะทรงถูกตรึงที่กางเขน ส่วนตัวเปโตรรู้สึกสิ้นหวัง คงจะทำสิ่งใดไม่ได้ และเขาคงคิดว่าคนอย่างเขาคงจะหมดหวังที่จะรับใช้พระเจ้าอีกต่อไป คงจะไม่มีสิ่งใดที่จะเยียวยาความผิดที่เขาทำ เขารู้สึกว่าเขาได้ทำผิด และรู้สึกเสียใจ แต่พระเยซูทรงสำแดงความรักต่อเปโตรเมื่อทรงมาหาเขา และพระองค์ทรงนำให้เปโตรกลับเป็นผู้นำเหน่าสาวกอีกครั้งหนึ่ง

เราได้รับการอภัยบาปจากพระองค์ผ่านทางไม้กางเขน แม้ว่าเราสมควรได้รับโทษนั้น แต่ก็ทรงยกโทษบาปผิดของเรา และนำเราให้กลับมีความสัมพันธ์กับพระองค์ นี่เป็นหนทางที่พระองค์สำแดงความรักแก่ผู้อื่น

เมื่อผู้ใดที่ทำผิดต่อเรา และรู้สึกสำนึกผิด สิ่งที่เราควรจะตอบสนอง คือ การให้อภัย การที่พระองค์ทรงให้อภัยเรา เราจึงควรรับการอภัย และให้อภัยผู้อื่นด้วย

เนื่องด้วยเราเป็นคนบาป เราจึงมักจะมีศูนย์กลางคือตัวเอง และมักจะรู้สึกว่าผู้ที่ทำเราเจ็บปวด ควรจะได้รับการตอบสนองก่อนที่จะยกโทษ แต่เมื่อเราทำผิดกับผู้อื่น คนอื่นควรจะยกโทษให้เราเพราะเราไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อใดก็ตามที่เราเข้าหาพระองค์ด้วยใจที่สำนึกผิด พระองค์ก็ทรงให้อภัยเรา การที่จะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ และเราก็จำเป็นต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกจำกัดขอบเขตความสัมพันธ์ แต่ความสัมพันธ์จะได้รับการรื้อฟื้น และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป

การให้อภัยผู้อื่นนี่เอง เป็นการสะท้อนถึงหัวใจของพระเยซูคริสต์

มีผู้ใดที่เรารู้สึกว่าเราให้อภัยไม่ได้หรือไม่? หรือว่าเราพยายามทำให้เขารู้สึกแย่โดยการที่ไม่ยอมพูดกับเขา หรือวิพากษ์วิจารณ์ให้ผู้อื่นฟัง? ให้เราระลึกว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่พระเยซูคริสต์ทรงปฏิบัติ เราจะเลือกทำเพื่อพระองค์ ก็โดยการให้อภัยผู้อื่น

พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงความรักแก่คนเหล่านั้นที่ติดอยู่กับความบาป คนเหล่านี้มีความผิดพลาดในชีวิต ถ้าเราจะนึกถึง ก็คือ ยากอบและยอห์น เขาทั้งสองได้ฉายาว่าลูกแห่งฟ้าร้อง เพราะความใจร้อนของเขาทั้งสอง

"51 ครั้นจวนเวลาที่พระองค์จะทรงถูกรับขึ้นไป พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
52 และพระองค์ทรงใช้ทูตล่วงหน้าไปก่อน เขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อจะเตรียมไว้ให้พระองค์
53 ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์เพราะพระองค์กำลังเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
54 เมื่อสาวกของพระองค์ คือยากอบและยอห์นได้เห็นดังนั้น เขาทูลพระองค์ว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์พอพระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเขาเสียหรือ'
55 แต่พระองค์ทรงเหลียวมาห้ามปรามเขา" (ลูกา 9:51-55)

เมื่อพระเยซูทรงไม่ได้รับการต้อนรับ เขาทั้งสองก็ขอให้พระองค์ส่งไฟมาเผาหมู่บ้านนี้ ซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้สำแดงความรักเท่าไรนัก และก็มีเหตุการณ์ที่เขาทั้งสองขอพระเยซูคริสต์ที่จะได้รับเกียรติสูง ซึ่งทำให้เห็นว่าเขาทั้งสองไม่เข้าใจถึงการรับใช้ผู้อื่นด้วยใจถ่อม

แต่พระเยซูก็มิได้ทรงหมดหวังกับเขาทั้งสอง พระองค์ทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเขา ช่วยเขา ค่อย ๆ เปลี่ยนเขา จนชีวิตของเขาทั้งสองได้รับการเปลี่ยนแปลง ในท้ายที่สุด ยอห์นก็ได้รับการเรียกว่า สาวกแห่งความรัก พระเยซูคริสต์ได้เปลี่ยนชีวิตของเขา แต่ก็ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต



อ. Melinda Burnette

คำแบ่งปันคณะเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง เมื่อวันที่ 09/08/2009

เรื่อง How To Be Like Jesus

แปลโดย มน.นิลุบล วงศ์วรเศรษฐ์

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map