Custom Search By Google

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

How To Be Like Jesus (5)‏

ความอ่อนโยนของพระเยซูคริสต์ต่อคนทั้งหลาย (2)

เรามักจะคิดว่าเมื่อคนคนหนึ่งมาเชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทันทีทั้งหมดจากความบาปของเขา เมื่อเขาได้รับการสร้างใหม่ก็ไม่น่าจะต้องดิ้นรนกับบาปเก่า ๆ ที่มีอยู่ ซึ่งก็เป็นจริงในบางกรณี คือมีผู้ที่เชื่อแล้วได้รับการเปลี่ยนแปลงทันที แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในทุก ๆ กรณี บางคนใช้เวลาเป็นเดือน บางคนใช้เวลาหลายปีในการเอาชนะบาปเก่า ๆ ในชีวิตของตัวเอง หลายครั้ง

ดังเช่นคนที่ติดยาเสพติด เมื่อพยายามที่จะเลิกก็ดูเหมือนยาก ถ้าเขาล้มเลิก ยอมแพ้ เขาก็จะไม่สามารถที่จะเลิกได้สำเร็จ

มีผู้หนึ่งที่ติดยาเสพติด ติดเหล้าทั้งสามีและภรรยา ชีวิตครอบครัวเกือบจะล่มสลาย เขาทั้งสองหมดหวัง เมื่อมีผู้หนึ่งชวนคู่นี้ไปโบสถ์ เขาก็ได้ลองไปดู ครั้งแรกที่ไปโบสถ์ ทั้งคู่ก็ได้รับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วย

ผู้ที่เป็นภรรยา เมื่อรับเชื่อ เขาสามารถเลิกยาเลิกเหล้าได้ทันที แต่สามีของเขาไม่สามารถที่จะทำได้ทั้งหมดในช่วงแรก ใช้เวลาประมาณ 9 เดือน ก่อนที่จะเลิกได้ ระหว่างนั้นเขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ภรรยาก็คอยให้กำลังใจ และคริสตจักรก็พยายามช่วยเหลืออย่างมาก ทุกครั้งที่เขาล้มลง เขาทั้งหลายก็ช่วยให้เขาลุกขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง คนเหล่านั้นได้สำแดงความรักในการเข้าไปช่วยเขา จนเขาสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง

เพราะว่าเรามักจะคิดว่าคริสเตียนคงจะไม่เสพติดอะไรหรอก จึงไม่ค่อยพูดถึง ดังนั้นคริสเตียนคนไหนที่เสพติดอะไรบางอย่างก็พยายามที่จะซ่อนเอาไว้ และไม่กล้าบอกใคร

ทราบหรือไม่ ว่าสิ่งเสพติดสำคัญอันดับหนึ่งในกลุ่มคริสเตียน คือ สิ่งลามกที่พบได้ในอินเตอร์เนต

ผลสำรวจพบว่า แม้ศิษยาภิบาลเอง มีถึง 50% ที่เข้าถึงสื่อลามกเหล่านี้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถดูคนเดียวส่วนตัวได้ จึงไม่ค่อยมีโอกาสที่จะโดนจับได้ เลยกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากทั่วโลก

เราจะทำอย่างไร ถ้าเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ติดสื่อลามกเหล่านี้ เราจะบอกว่า ก็สมแล้วนี่หน่า ไม่ควรที่จะทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หรือตกใจมาก เลยไม่กล้าพูดคุยกับเขาอีกเลย

ถ้าจะเหมือนพระเยซูคริสต์ เราจำเป็นต้องสำแดงความรักกับคนเหล่านั้น จะต้องช่วยเหลือเขาในสิ่งที่เขาต้องการ เราจำเป็นต้องช่วยจนที่เขาได้รับอิสรภาพจากสิ่งเหล่านี้ได้ จำเป็นจะต้องอาศัยความพยายามเพราะเขาอาจจะล้มเหลวหลายครั้ง

ในกรณีนี้ต่างจากในกรณีแรกที่เราจะต้องสร้างขอบเขต เพราะในกรณีแรกนั้น คนเหล่านั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ในกรณีนี้ คนคนนั้นพยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

พระเยซูคริสต์ไม่เคยที่จะเพิกเฉยกับความบาปของยอห์นและยากอบ แต่ทรงพยายามช่วยเขาทั้งสองจนกระทั่งทั้งสองได้รับการเปลี่ยนแปลง เราจำเป็นต้องช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังดิ้นร้นให้พ้นจากบาปที่มีอยู่เช่นกัน

บทเรียนตรงนี้ คือ ในฐานะที่เป็นผู้เชื่อ เราจำเป็นต้องช่วยเหลือคนเหล่านั้นที่กำลังดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากความบาป

มีใครที่หวังว่าจะไม่ทิ้งเขาหรือหมดหวังในตัวเขาเมื่อเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า หรือมีใครที่เราพยายามที่จะเดินไปกับเขาตลอด แม้จะเป็นหนทางที่ยาวไกล จนเขาสามารถทำได้สำเร็จได้หรือไม่ ?

พระเยซูคริสต์ทรงมีคำพูดที่สำแดงความรักให้กับผู้คน พระองค์มักจะพูดความจริงในความรัก พระองค์มักจะกล่าวความจริง และหนุนใจให้เรายึดความจริงนั้น

มารธาเศร้าโศกกับการเสียชีวิตของลาซารัส พระเยซูคริสต์ก็ได้บอกความจริงถึงการที่ลาซารัสจะฟื้นขึ้นมา

เมื่อพระองค์ทรงฟื้นพระชนม์ พระองค์ได้ไปหาโธมัส พระองค์จึงทรงให้เขาสัมผัสพระองค์ เพื่อที่เขาจะเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว

พระคำของพระเจ้าเป็นกำลังใจอย่างมากสำหรับชีวิตของเรา พระองค์ตรัสกับเรา เมื่อเราได้ยินพระองค์ ก็จะเป็นกำลังให้เรายึดพระองค์ไว้ พระองค์สำแดงความรักโดยการสนองความต้องการเมื่อเราต้องการกำลังใจ เราจำเป็นจะต้องทำเช่นเดียวกันกับผู้อื่นด้วย

คนที่เราติดต่อด้วย ทุกคนต้องการกำลังใจ บางครั้งเขาต้องการความจริง บางทีเราก็จำเป็นที่จะต้องไม่เห็นด้วยกับเขา และเขาเองก็ต้องการความจริงเกี่ยวกับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ใดและพระองค์ทรงสามารถช่วยเขาได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขาก้าวเดินต่อไปในทุก ๆ สถานการณณ์

เราเองจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้นในเรื่องคำพูดของเรา บางครั้งเรามักจะพูดความจริง แต่แทนที่จะสร้างสรรค์ กลับกลายเป็นการทำลายความรู้สึก ความจริงควรจะเป็นการเยียวยามากกว่าใช้เป็นอาวุธ

บางทีเราไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวว่าผู้ที่เราไปพูดด้วยจะไม่พอใจ แต่พระเยซูคริสต์ตรัสความจริงเสมอ เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่จะเป็นการให้กำลังใจ และการที่เราพูดความจริงด้วยความรัก จะเป็นการสร้างคนอื่นขึ้นมา

มีอะไรที่เราจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องคำพูดหรือไม่ ? หรือเราจำเป็นต้องเลิกกลัวแล้วเริ่มที่จะพูดความจริงแก่ผู้อื่น ? หรืออาจต้องเรียนรู้ในการพูดความจริงโดยการเพิ่มความอ่อนโยนเข้าไปด้วย ?

เราจะต้องมีเวลาที่จะใช้กับพระเยซู เพื่อที่จะเรียนรู้จากพระองค์ แล้วเราจะสามารถพูดได้อย่างเหมาะสม

เราจะเป็นเหมือนพระองค์ได้อย่างไร? ไม่ใช่การพยายาม แต่เป็นการยอมรับการเปลี่ยนแปลง

ขอที่เราจะใช้เวลากับพระองค์ เข้าใกล้ชิดกับพระองค์ เติบโตทางวิญญาณ เพื่อที่เราจะสามารถก้าวร้าวต่อบาป และอ่อนโยนกับผู้คนได้ ขอสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นในชิวตของเรา



อ. Melinda Burnette

คำแบ่งปันคณะเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง เมื่อวันที่ 09/08/2009

เรื่อง How To Be Like Jesus

แปลโดย มน.นิลุบล วงศ์วรเศรษฐ์

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map