Custom Search By Google

Custom Search

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ศีลมหาสนิท


http://lovejesuschurch.tripod.com/doctrines/033.doc

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับปัสกา ความหมายของการถวายบูชา
ศีลมหาสนิท
ความหมายของพิธีศีลมหาสนิท
ศีลมหาสนิทเป็นของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุด ที่พระเยซูเจ้าได้ประทานแก่ประชากรของพระองค์ เพราะความรักอันเปี่ยมล้นของพระองค์มีแต่พระองค์เท่านั้น ผู้ทรงเป็นมนุษย์แท้และพระเจ้าแท้ที่ทรงพระประสงค์ และอำนาจที่จะทำการมหัศจรรย์เช่นนี้ได้ เพื่อจะประทับอยู่กับเรา เป็นความบรรเทา พละกำลัง ความสุขและสันติของเรา
คำว่า ศีลมหาสนิท (Eucharist = การขอบพระคุณ) ประกอบด้วย
การถวายบูชา หรือปัสกา
การรับศีลมหาสนิท
การประทับอยู่อย่างแท้จริง ทั้งทางกาย(Substance) และทาง
ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
ศีลมหาสนิทเป็นการบูชายัญ หรือการถวายบูชาปัสกาคือ
การถวายบูชายัญของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ซึ่งได้รับการรื้อฟื้นทุกวันบนพระแท่นบูชา ตามพระประสงค์ของพระองค์
เป็นเครื่องหมายแห่งการเป็นหนึ่งเดียวและเป็นสายสัมพันธ์แห่งความรักของประชากรของพระเป็นเจ้า (ซึ่งมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติได้รับการเรียกให้มาเป็น)
เป็นการเลี้ยงปัสกาซึ่ง (ในการรับศีลมหาสนิท) พระเยซูเจ้าเอง ผู้ทรงเจริญชีวิตอย่างแท้จริงได้เข้ามาประทับ และทรงทำให้วิญญาณของเราเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ มีพลังสันติ ความเชื่อ ความหวังและความรัก
มนุษย์ทุกคนจากทุกยุคทุกสมัยได้ถวายบูชาแด่พระของตนที่จริงแล้ว เขาถือว่า การถวายบูชานี้เป็นกิจกรรมสูงสุดของศาสนาจริงๆ แล้วมีบางครั้งในประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าได้ตรัสล่วงหน้าถึงการถวายบูชาใหม่และเป็นบูชาของมนุษย์ทั่วไป คือการบูชาของพระบุตรของพระองค์เอง
พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เราไม่พอใจเจ้าและเราจะไม่รับเครื่องบูชาจากมือของเจ้า ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงที่ดวงอาทิตย์ตก นามของเราก็ยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และเขาถวายเครื่องหอมและของถวายที่บริสุทธิ์แด่นามของเราทุกที่ทุกแห่ง เพราะว่านามของเราใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายหรือกล่าวอย่างง่ายๆ เราไม่มีความโปรดปรานอันใดในตัวเจ้า พระเจ้าจอมโยธาได้ตรัสไว้ เราจะไม่รับบูชาใดๆ จากมือของเจ้า เพราะว่านามของเราจะยิ่งใหญ่ท่ามกลางนานาชาติและในสถานที่ทุกแห่ง เขาจะนำเครื่องบูชามาถวายแด่พระนามของเรา และเป็นการถวายที่บริสุทธิ์ เพราะพระนามของเรายิ่งใหญ่ท่ามกลางนานาชาติ พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ (มลค.1:10-11)
การถวายบูชาใหม่ที่ว่านี้คือ พิธีศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นการรื้อฟื้นมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าบนแท่นของชาวเรา บนไม้กางเขนที่เขากัลวารีโอ พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่กู้เรา ในพิธีศีลมหาสนิทซึ่งถวายแด่พระเจ้าทุกวันทั่วโลก พระเยซูเจ้าได้ประทานผลแห่งการกอบกู้แก่เรา การถวายบูชาทั้งหลายในอดีตรวมกันก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะชดเชยบาปของเราได้ มีแต่การถวายบูชาของพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่นำมาซึ่งความเต็มเปี่ยมแห่งการกอบกู้ เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่…ฮบ.9:13-14
กล่าวอย่างง่ายๆ ว่า เพราะถ้าเลือดแพะและเลือดวัว และการโปรยเถ้าของลูกวัวสาวทำให้ผู้กระทำผิดเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งโดยประสงค์นิรันดริ์ ที่จะถวายพระองค์เอง ผู้ไม่มีมลทินแด่พระเจ้า จะสามารถชำระจิตใจของเรา การงานที่ไม่มีคุณค่า เพื่อเป็นการคารวะแด่พระเป็นเจ้าสักเพียงไร
พูดถึงความจริงที่ยิ่งใหญ่ของการถวายบูชานี้ เปาโลได้ประกาศถ้อยคำว่า ท่านมิได้พูดอะไรด้วยตัวท่านเอง แต่ว่าได้เรียนรู้ว่าพิธีศีลมหาสนิทคืออะไร จากการสำแดงของพระเจ้าเอง เพราะว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้าคือ……(1คร.11:23 )
พระเยซูต้องเสด็จกลับไปหาพระบิดา แต่พระองค์ก็ทรงทราบว่า มนุษย์ต้องการพระองค์ ดังนั้นพระองค์ได้ทรงคิด ไม่เพียงหนทางที่จะช่วยพวกเขาให้รอดเท่านั้น แต่ยังทรงคิดว่าวิธีที่จะประทับอยู่กับเขา เพื่อจะได้โปรดประทานผลแห่งการไถ่กู้ให้ด้วย ทรงมีประสงค์จะให้ความมั่นใจว่า แม้ว่าการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้วนั้น จะทรงรื้อฟื้นการถวายบูชาของพระองค์นี้อย่างแท้จริง ในรูปแบบที่มองไม่เห็น แต่เป็นจริงเที่ยงแท้ และเราก็สามารถที่จะได้รับพระคุณพร้อมความมุมานะที่จะรอคอยการเสด็จกลับมาของพระคริสต์
เป็นความจริงดังที่ท่านได้เคยพูดไว้ว่า การบูชาของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าเป็นความจำเป็นที่จะมีส่วนร่วมในการบูชานี้ เพื่อว่ากิจกรรมอันนำมาซึ่งความรอดจะได้สัมผัสกับชีวิตเรา
อพย.1:12 “ยิ่งถูกเบียดเบียน ยิ่งเพิ่มพูน” (แต่ยิ่งถูกเบียดเบียนมากเท่าไร ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น..)
อพย.1:19 “การคลอดที่ง่าย ถ้าท่านตั้งครรภ์” (ด้วยความเชื่อ)
“เพราะหญิงฮีบรูไม่เหมือนหญิงอียิปต์ เขาไวจึงคลอดบุตรง่าย (เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม)
ปฐก.28:38 ยาโคบลุกขึ้นแต่เช้ามืด เอาก้อนหินซึ่งใช้หนุนศีรษะ ตั้งขึ้นเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ และเทน้ำมันยอดเสานั้น และเรียกสถานที่นั้นว่า เบธเอล (ยืนยันถึงการสถิตอยู่ของพระเจ้า)
ก่อนได้รับการปลดปล่อยมีทั้งการทดสอบของพระเจ้า และการกลั่นแกล้งจากมารร้าย ทุกข์เวทนาในเวลานี้
ถ้าผู้ใดอดทนได้จนถึงที่สุด ก็จะได้รับการปลดปล่อยอย่างสวยงาม (อพย.5: ) (แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด..มธ.24:13)
ชัยชนะเหนือโลก คือยิ่งเผชิญจะยิ่งทุกข์ แต่อย่ากลัวเลย (ยน.16:20) โลกจะชื่นชมยินดี แต่เจ้าจะโศกเศร้า
พระเจ้าจะบังคับฟาโรห์ ด้วยมืออันทรงฤทธิ์
หมายสำคัญแรกที่พระเจ้าประทานแก่อิสราเอลผ่านโมเสส (พระองค์จึงตรัสว่า "เราจะอยู่กับเจ้าแน่ นี่เป็นหมายสำคัญให้เจ้ารู้ว่าเราใช้ให้เจ้าไป คือเมื่อเจ้านำประชากรออกจากอียิปต์แล้ว เจ้าทั้งหลายจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้"…..อพย.3:12)
(ยืนยันถึงการสถิตอยู่ของพระเจ้า)
การเดินทางออกจากถิ่นทุรกันดาร พระเจ้ามิได้ให้เราไปตัวเปล่า และเราจะทวงคืนริบคืนได้หมดด้วย
(เราจะเหยียดมือออกประหารอียิปต์ด้วยอัศจรรย์ต่างๆ ที่เราจะกระทำในท่ามกลางประเทศนั้น หลังจากนั้น กษัตริย์ก็จะทรงยอมปล่อยพวกเจ้าไป….อพย.3:20)
การเดินด้วยพระวิญญาณ
พระคัมภีร์แยกความหมายระหว่าง “การมี” พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นของผู้เชื่อทุกคน
กับการ “เติม” ด้วยพระวิญญาณ ซึ่งเป็นจริงสำหรับคนน้อยมาก
ใน ยน.3:3-8 เราได้รับชีวิตใหม่ (Regeneration) พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้" นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า "คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ" พระเยซูตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายต้องบังเกิดใหม่ ลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณ ก็เป็นอย่างนั้นทุกคน" โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเนื่องจากการบังเกิดใหม่ (New Birth)
มนุษย์ในฝ่ายวิญญาณ มีความหิวสิ่งซึ่งเป็นของพระเจ้า
อย่าช่วยพี่น้องด้วยทรัพย์สินของเจ้า ที่กำลังจะต้องถูกตีสอน เพราะไม่ทำให้เขาสำนึก มีแต่เขาจะลำพองตัวและถลำลึกลงไปอีก โดยคิดว่า สิ่งที่เขาเป็นอยู่ถูกต้อง เขาจะไม่หันกลับ แต่จะนำเขาไปสู่ความพินาศ แต่จงช่วยจิตวิญญาณให้เขาจำเริญขึ้น
สุภาษิตหรือพระวจนะที่อยู่ในปากของคนโง่ ก็เหมือนขาของคนพิการที่ห้อยลงมาอย่างไร้ประโยชน์
บุคคลผู้ให้เกียรติแก่คนโง่ ก็เหมือนผู้ที่มัดก้อนหินไว้กับสลิง
บุคคลที่จ้างคนโง่หรือคนขี้เมาที่ผ่านไป ก็เหมือนฝักธนูที่ยิงคนทุกคนไม่เลือกหน้า
คำแช่งสาปที่ไร้เหตุผล ย่อมไม่มาเกาะ เช่นเดียวกับนกกระจอกที่กำลังโผไปมาและนกนางแอ่นที่กำลังบิน
อย่าเป็นเครื่องมือนำความโกลาหลวุ่นวายเข้ามา อย่าเป็นคนน่าเกลียดและหยาบคาย
อย่าเป็นหมาลอบกัด หรือนินทาว่าร้ายใคร จงหุบปากเสีย ไม่เช่นนั้น ท่านก็จะเป็นคนนำคำแช่งสาปมาสู่ตัวท่านเอง
ถ้าเราเอ่ยปากพูดในสิ่งไม่ดี ท่านกำลังขอคำแช่งสาปให้กับวิญญาณของท่าน ท่านกำลังทำบาป จงขอแต่สิ่งที่ดี
ซาตานไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากนักหลอก แต่เราให้อำนาจมันเกินควรต่างหาก
สั่ง เจ้าซาตาน จงออกไปจากครอบครัวของข้าเดี๋ยวนี้ ท่านสามารถเลือกได้ว่า จะให้พงศ์พันธ์ของท่านเดินไปทางไหน ทางของพระเจ้าหรือของมารซาตาน มารซาตานคอยจ้องจะเล่นงานครอบครัวของท่านอยู่ แต่ท่านสามารถหยุดมันได้ก่อนที่มันจะเริ่มต้นด้วยซ้ำไป
ทุกครั้งที่มีพระวจนะพระเจ้า จะต้องมีอะไรตามมาด้วย “พระวจนะนำมาซึ่งแสงสว่าง แสงสว่างแห่งพระวจนะของพระเจ้า กำลังเคาะอยู่ที่หน้าประตูของเรา
* จงบอกกับซาตานว่า “บ้านหลังนี้ได้รับการชำระแล้ว พระโลหิตของพระเยซูปกคลุมบ้านหลังนี้อยู่ เจ้าจะนำผีร้ายเข้ามาอีกเจ็ดตัวไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเจ้า ที่นี่เป็นบ้านของข้า ซึ่งเป็นบ้านของพระเยซู ซาตานเจ้าจงหยุดเดี๋ยวนี้ ในพระนามพระเยซู บ้านหลังนี้จะไม่มีวันเป็นของเจ้าเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นลูกหรือหลานของข้าก็ตาม
ผู้ที่ไม่ทำตามพระวจนะพระเจ้า คือผู้นำคำแช่งสาปเข้ามา (ดูหน้า 71-72)
เรื่องส่วนใหญ่มาจากความคิด ถ้าความคิดของเราถูกต้องกับพระเจ้าก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
เราสามารถทำได้สารพัดอย่าง เราสามารถเขย่าประชาชาติได้
จงหลีกเลี่ยงจากความบาป จงอยู่ในพระวจนะ แล้วท่านจะไม่ตกอยู่ภายใต้คำแช่งสาป และจะได้รับแต่พระพร เมื่อท่านโดนแช่งสาป พระเจ้าจะอวยพร ถ้าท่านอยู่ในพระวจนะ แต่ถ้าท่านล้มลงในความบาป ท่านเองคือคนนำคำสาปแช่งเข้ามาให้ตัวเอง
พระคำของพระเจ้าจะต้องเป็นแสงสว่างอยู่ภายในความคิดของพวกเขาตลอดเวลา
อับราฮัมเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก เพื่อให้พระพรผ่านทางท่านมาสู่โลก พระเจ้าทรงเลือกอับราฮัมให้เป็นทางที่พระองค์จะทรงกระทำพันธกิจโดยมนุษย์ พระเจ้าแสวงหามนุษย์ที่พระองค์จะทรงกระทำกิจผ่านได้อยู่เสมอมา
คำสัญญาของพระเจ้า และ คำสัญญาของมนุษย์
เมื่อเราศึกษาแหล่งสัญญาเหล่านี้ เราก็พบว่า คำมั่นสัญญาของพระเจ้า ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นในพระคัมภีร์ใหม่
พระเจ้าประทานสัญญาให้เป็นพิเศษแก่ชนชาติอิสราเอล (พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้าและพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานธรรมบัญญัติ และพิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญา…โรม.9:4; จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอลและไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า…อฟ.2:12) พระเจ้าประทานฐานะที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนชนชาติใดให้แก่ชนชาติอิสราเอล เป็นความหมายที่พิเศษว่า อิสราเอลนี้คือ ชนชาตินี้เข้าใจหน้าที่ของตนเองผิด คิดเอาเองว่าได้รับคำสัญญาให้มีเกียรติ มีสิทธิพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วอิสราเอลเป็นชนชาติที่พระเจ้าให้หน้าที่และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ ข้อเสนอของพระเจ้ามักเป็นข้อเสนอให้มีภาระหน้าที่ ที่ต้องกระทำเพื่อพระองค์เป็นพิเศษเสมอ
คำสัญญาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อชนชาติอิสราอล เป็นคำสัญญาที่ตกทอดมาจากอับราฮัม คำสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่อับราฮัมเป็นพระสัญญาที่มีผล 3 ขั้นดังนี้
ให้คำมั่นสัญญาเรื่องแผ่นดินแห่งพันธสัญญา (แต่พระองค์ไม่ทรงโปรดให้อับราฮัมมีมรดกในแผ่นดินนี้ แม้เท่าฝ่าเท้าก็ไม่ได้และขณะเมื่อท่านยังไม่มีบุตร พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า จะให้แผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน และเชื้อสายของท่าน…กจ.7:5;
เพราะความเชื่อของท่าน ท่านได้พำนักในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้นั้น คือได้พำนักในเต็นท์เป็นคนต่างด้าว ดังอิสอัคและยาโคบซึ่งเป็นทายาทด้วยกัน ตามพระสัญญาอันเดียวกันนั้น, คนเหล่านั้นได้ตายไป ขณะที่มีความเชื่อเต็มที่ และไม่ได้รับสิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่เขาก็ได้เห็นและได้เตรียมรับไว้ตั้งแต่ไกล และรู้ดีว่าเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก…ฮบ.11:9,13)
สัญญาว่าจะประทานลูกชายให้แก่นางซาราห์ทั้งที่ดูเหมือนว่า เป็นไปไม่ได้ (แล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงยังทรงติเตียน เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัยของพระองค์ได้"….รม.9:19;
บุตรที่เกิดจากหญิงทาสนั้นก็เกิดตามธรรมดา แต่ส่วนบุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นไทนั้น เกิดตามพระสัญญา, ดูก่อนพี่น้องทั้ง
หลาย เราเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค…..กท.4:23,28)
สัญญาว่าทุกชาติในโลกนี้จะได้รับพระพรทางอับราฮัม (เพราะว่าพระสัญญาที่ประทานแก่อับราฮัมและผู้สืบเชื้อสายของท่านที่ว่า จะได้ทั้งพิภพเป็นมรดกนั้น ไม่ได้มีมาโดยพระบัญญัติ แต่มีมาโดยความชอบธรรมที่เกิดจากความเชื่อ...รม.4:13;
บรรดาพระสัญญา ที่ได้ประทานไว้แก่อับราฮัมและพงศ์พันธุ์ของท่านนั้น มิได้ตรัสว่า และแก่พงศ์พันธุ์ทั้งหลาย เหมือนอย่างกับ
ว่าแก่คนมากคน แต่เหมือนกับว่าแก่คนผู้เดียวคือ แก่พงศ์พันธุ์ของท่าน ซึ่งเป็นพระคริสต์….กท.3:16;
เมื่อพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมนั้น โดยเหตุที่ไม่มีใครเป็นใหญ่กว่าพระองค์ที่พระองค์จะทรงอ้างได้นั้น พระองค์ก็ได้
ทรงอ้างพระองค์เอง….ฮบ.6:13)
คำสัญญาของพระเจ้า เป็นคำสัญญาเรื่องพระมาซีฮา ทางเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด (คราวนั้นเกิดการวุ่นวายมากเพราะเหตุทางนั้น, บางคนได้ร้องว่าอย่างนี้ บางคนได้ร้องว่าอย่างนั้น เพราะว่าที่ประชุมวุ่นวายมาก และคนโดยมากไม่รู้ว่าเขาประชุมกันด้วยเรื่องอะไร…..กจ.19:23,32)
คำว่า พระมาซีฮา และคำว่า พระคริสต์ เป็นคำที่มีความหมายอย่างเดียวกัน มาซีฮาเป็นคำภาษาฮีบรู และคริสต์เป็นคำภาษากรีก แปลตรงตัวว่า ผู้ที่ได้รับการเจิม คำสัญญาของพระเจ้า เป็นคำสัญญาของกษัตริย์ อาณาจักรทั้งหลายในโลกนี้จะเป็นอาณาจักรของพระเจ้า โดยทางผู้ที่ได้รับการเจิมนี้
คำสัญญาทั้งหลายที่พระเจ้าประทานไว้ในพระคัมภีร์ พันธสัญญาเดิมปรากฏเป็นผล เป็นความจริงหรือพูดได้ว่า ทรงกระทำตามที่สัญญาไว้อย่างบริบูรณ์แล้วในพระเยซูคริสต์ (และเพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ….เพราะเหตุนี้ ข้าพระองค์ขอสรรเสริญพระองค์ ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายและร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์….รม.15:9; บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่า อาเมน โดยพระองค์เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า….2คร.1:20; ถ้าเช่นนั้นมีธรรมบัญญัติไว้ทำไม ที่เพิ่มธรรมบัญญัติไว้ก็เพื่อบาปจะปรากฏเป็นความละเมิด จนกว่าพงศ์พันธุ์ที่ได้รับพระสัญญานั้นจะมาถึง พวกทูตสวรรค์ได้ตั้งธรรมบัญญัตินั้นไว้โดยมือของคนกลาง, และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา…กท.3:19,29)
เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาก็เหมือนกับว่า พระเจ้าตรัสกับมนุษย์ชาติว่า “นี่คือผู้ที่คำสัญญาของเราทุกข้อเป็นไปครบถ้วนในเขา”
พระเยซูทรงเป็นผู้ที่ความคิดฝันของพระเจ้าและความคิดความฝันของมนุษย์มาพบกันพอดี
ในพระเจ้าไม่มีธรรมดา เมื่อประทานอะไรนับได้ว่าเป็นพิเศษ ถ้ามนุษย์ทำหน้าที่พิเศษและมีความรับผิดชอบพิเศษ การครอบครองจะเกิดเมื่อมนุษย์ดำรงอยู่ในหน้าที่พิเศษอย่างถูกต้อง มนุษย์ผู้ที่จะบังคับบัญชาจักรวาลได้ เราเป็นตรีเอกานุภาพมนุษย์ ความรู้มนุษย์ถูกจำกัดด้วยประสาททั้งห้า ความล้ำเลิศความปรารถนามาจากพระเจ้า มีพลังอำนาจที่จะเลือกตัดสินที่จะทำอะไรก็ได้ ความสว่างวิเศษกว่าความมืด การเชื่อฟังในพระองค์เป็นผลของ…( ผู้ใดที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัตินั้น ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเราและผู้ที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขาและเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา" ยูดาส (มิใช่อิสคาริโอท) ทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า เหตุใดพระองค์จึงจะสำแดงพระองค์แก่พวกข้าพระองค์ แต่ไม่ทรงสำแดงแก่โลก" พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเราและพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำซึ่งท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นพระวจนะของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา…. ยน.14:21-24 )
คำพูดของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์
คำว่า “ความรัก” เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในกระบวนการคุณงามความดีทั้งหมด เป็นคุณลักษณะแห่งความเชื่อของคริสเตียน จึงสมควรที่สุดที่เราจะมาศึกษาความหมายของคำนี้กันให้ชัดเจน
วิธีที่ดีที่สุดคือ เริ่มด้วยการเปรียบเทียบ ด้วยการพิจารณาลักษณะของความรัก
ความรักฝ่ายร่างกาย เช่น ความรักระหว่างเพศ, ความกระหายในความทะเยอทะยาน, ความรักชาติอย่างรุนแรง อาการของความรัก ลักษณะนี้เป็น “ความปรารถนาที่ร้อนแรงและไม่สามารถทนทานได้
ความรักแบบครอบครัว ความรักผูกพันฉันญาติ ความรักที่ประชาชนมีต่อผู้ปกครอง, มนุษย์ต่อพระเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองเขา ความรักพ่อแม่ที่มีต่อลูกและลูกมีต่อพ่อแม่ รม.12:10 จงรักกันฉันพี่น้อง เป็นคำเสนอแนะความคิดให้เห็นว่า สังคมคริสเตียนไม่ใช่เป็นสมาคม แต่เป็นครอบครัวหนึ่ง
ความรักที่อบอุ่น คือการมองดูด้วยความรักใคร่ผูกพัน ใช้ได้ทั้งความรักระหว่างเพื่อน ความรักของสามีภรรยา ความรักของคริสเตียนเป็นความรักที่กว้างขวาง เป็นคำที่น่าฟังแต่เป็นคำที่เฉพาะเจาะจงของความอบอุ่น ความใกล้ชิดและความเสน่หา อาจจะใช้ได้กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและเป็นที่รัก
เรื่องของคริสเตียนต้องการคำที่กินความกว้างกว่าคำนี้ ความคิดของคริสเตียนผูกพันอยู่กับความรัก เพราะเป็นคำเดียวที่สามารถบรรจุเนื้อหาความคิดที่ต้องการได้ เหตุผลที่ความคิดของคริสเตียนผูกพันแนบแน่นกับคำว่า ความรัก ก็คือ โดยความรักนั้นเรียกร้องให้มีภาคปฏิบัติทั้งความคิดจิตใจและการกระทำ ความรักของคริสเตียนต้องไม่จำกัดอยู่ในขอบเขตเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดหรือผู้ที่เรารัก หรือญาติมิตรของเราหรือเพื่อนฝูงที่เรารักเท่านั้น ความรักของคริสเตียนต้องแผ่ขยายออกไปจากสังคมของคริสเตียนไปสู่เพื่อนบ้าน ไปสู่ศัตรู ไปสู่โลก
ปัสกาจริงๆ แล้ว เป็นรูปแบบของการถวายบูชายัญบนภูเขากัลวารีโอ เครื่องบูชาก็คือ องค์พระคริสต์เจ้า ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเดียวกับบูชาปัสกา เพียงแต่รูปแบบของการถวายบูชาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป บูชาบนภูเขากัลวาริโอ พระเยซูเจ้าได้ทรงหลั่งโลหิตอันแท้จริงในบูชาปัสกา พระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระบิดาเจ้าของพระองค์ในรูปแบบที่ไม่มีโลหิต แต่เป็นธรรมล้ำลึกที่ไม่อาจเข้าใจได้
6 สิ่ง พระเจ้าทรงเกลียด 7 สิ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์
ตายโส ลิ้นมุสา มือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง
2คร.2:17 เพราะว่าเราไม่เหมือนคนเป็นอันมากที่เอาพระวจนะของพระเจ้าไปขายกิน แต่ว่าเราประกาศด้วยอาศัยพระคริสต์อย่างคนสัตย์ซื่อ อย่างคนที่มาจากพระเจ้า และอย่างคนที่อยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า
2คร.4:1 เพราะเหตุที่เรามีพันธกิจนี้โดยได้รับพระกรุณา เราจึงไม่ย่อท้อ
กายดิน วิญญาณอยู่ภายในร่างกาย
กายวิญญาณ วิญญาณอยู่ภายนอกร่างกายด้วยการสวมไว้ …(การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้นก็เหมือนกัน สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเน่าเปื่อย สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นก็จะไม่รู้จักเน่าเปื่อย สิ่งที่หว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่ก็จะมีศักดิ์ศรี สิ่งที่หว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่ก็จะทรงอานุภาพ สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นร่างกาย สิ่งที่เป็นขึ้นมาก็จะเป็นกายวิญญาณ ถ้าร่างกายมี กายวิญญาณก็มีด้วย มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์คนเดิมคืออาดัม จึงเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ แต่อาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นเป็นวิญญาณผู้ประสาทชีวิต แต่ร่างกายซึ่งเกิดก่อนนั้นหาใช่เป็นกายวิญญาณไม่ แต่เป็นร่างกายแล้วภายหลังจึงเกิดมีกายวิญญาณขึ้น มนุษย์เดิมนั้นกำเนิดจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์ที่สองเสด็จมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทุกคนก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์ผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทุกคนก็เป็นอย่างนั้น และเมื่อเราเกิดมามีลักษณะสมกับมนุษย์ดินแล้ว เราก็จะมีลักษณะสมกับมนุษย์สวรรค์ด้วย ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่า เนื้อและเลือดจะมีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ และสิ่งซึ่งเน่าเปื่อยจะมีส่วนในสิ่งซึ่งไม่รู้จักเน่าเปื่อยก็ไม่ได้ ดูก่อนท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความล้ำลึกที่จะบอกแก่ท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะว่า สิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้ต้องสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อย และสภาพมตะนี้ต้องสวมสภาพอมตะ เมื่อสิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้ จะสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อย และสภาพมตะนี้จะสวมสภาพอมตะ เมื่อนั้นตามซึ่งเขียนไว้ในพระคัมภีร์จะสำเร็จว่า ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว….1คร.15:42-54; เพราะเรารู้ว่า ถ้าเรือนดินคือกายของเรานี้จะพังทำลายเสีย เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ที่มิได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และตั้งอยู่เป็นนิตย์ในสวรรค์ เพราะว่าในร่างกายนี้เรายังครวญคร่ำอยู่ มีความอาลัยที่จะสวมที่อาศัยของเราที่มาจากสวรรค์ เพื่อว่าเมื่อเราสวมแล้ว เราก็จะมิได้เปลือย เพราะว่าเราผู้อาศัยในร่างกายนี้จึงครวญคร่ำเป็นทุกข์ มิใช่เพราะปรารถนาที่จะอยู่ตัวเปล่า แต่ปรารถนาจะสวมกายใหม่นั้น เพื่อว่าร่างกายของเราซึ่งจะต้องตายนั้นจะได้ถูกชีวิตอมตะกลืนเสีย….. 2คร.5:1-4
(เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ ให้คนที่มีพระวิญญาณฟัง….1คร.2:13) เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบาย ความหมายของเรื่องวิญญาณให้คนที่มีพระวิญญาณฟัง
โอ้ชีวิตฉันนี่หนาพระเจ้าลิขิต
หนทางชีวิตคิดอยู่อย่างมีจุดหมาย
เกิดมาทุกคนโลกนี้ไม่หนีความตาย
เมื่อยังไม่สายเกินไป ให้กลับคืนดี
กับองค์ผู้สร้างชีวิตลิขิตกำหนด (มาให้)
แล้วความงามงดผุดผ่องฉายส่องราศี
เวลาพระเจ้าฟื้นฟูมักเกิดผู้เผยพระวจนะเสมอ พระองค์จะรักษาแผ่นดินให้หายโดยทางผู้รับใช้ของพระองค์
คนหนึ่งคนใด คจ.หนึ่งคจ.ใด นิกายหนึ่งนิกายใด อาจจะเสื่อมลง คจ.เสื่อมลงหรือต่ำลงเหมือนเมื่อคราวอิสราเอลอยู่ภายใต้การปกครองของเอลีและบุตรชายคือ
1 ไม่มีการเทศนาที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ (1ซมอ.3:1) ในสมัยนั้นพระดำรัสของพระเจ้ามีมาแต่น้อย ไม่มีนิมิตบ่อยนัก มีการเทศนามากครั้ง แต่ไม่มีพระดำรัสของพระเจ้า มีความคิดโครงการ แผนการ รายการมากมาย แต่ไม่มีนิมิตบ่อยนัก
2 ความพ่ายแพ้ก่อตัวขึ้น ชาวอิสราเอลคิดอย่างตื้นๆ ว่าพวกเขาจะปลอดภัยภายใต้ความคิด นิมิตของพระเจ้าที่เกิดขึ้นอย่างจำกัด ดังนั้น พวกเขาจึงออกไปรบกับชาวฟิลิสเตียอย่างทะนง และคนฟิลิสเตีย ได้ฆ่าคนเสียประมาณ 4 พันคนในสนามรบ…1ซมอ.4:2
3 การแสวงหาเหตุผล พวกผู้ใหญ่ได้จัดประชุมขึ้น พวกเขาถามว่า ทำไมพระเจ้าจึงทรงให้เราพ่ายแพ้ต่อคนฟิลิสเตียในวันนี้…1ซมอ.4:3 พวกเขาเริ่มแสวงหาคำตอบ
อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลก็พากันเศร้าใจ แต่จิตวิญญาณไม่สั่นคลอน เราควรจะเป็นชนชาติผู้มีชัยชนะของพระเจ้า พวกเขาร้องว่า ทำไมพระเจ้าจึงยอมให้เราพ่ายแพ้
แล้วพวกเขาทำผิดมากยิ่ง ไม่ว่าการหาเหตุผล พวกเขาตัดสินใจจะให้พระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา โดยใช้วิธีการของพวกเขา โดยความคิดแห่งความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเขามองเห็นการสถิตอยู่ของพระเจ้า โดยคิดว่า เมื่อพวกเขามีหีบพันธสัญญา พวกเขาคิดว่าพระเจ้าอยู่ในหีบฯนั้น ไม่มีใครเคยเห็น นอกจากปุโรหิต เราจงเคลื่อนย้าย เขาเคลื่อนย้ายด้วยความอวดดี ด้วยความเชื่อที่อวดดีอย่างโง่เขลาที่ว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้พระเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเขา เขาจึงกล่าวว่า “ให้เรานำหีบฯแห่งพระเจ้ามา ให้เราจากเมืองชิโลห์เถิด” เพื่อพระองค์จะได้เสด็จมาท่ามกลางเขาและช่วยเขาให้พ้นศัตรู พวกเขากำลังทำให้หีบเป็นรูปเคารพ พระเจ้าไม่เคยพอพระทัยการกระทำเช่นนั้น
ไม่ได้อยู่ที่แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล หรืออิทธิพลทางการเมือง ไม่ได้อยู่ที่มีงบประมาณกองทัพอันเกรียงไกรหรือความมั่งคั่งร่ำรวย มีอาคารสวยๆ หรือสมาชิกนับพันๆ คน สง่าราศีของเราอยู่ที่การที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย จงพร้อมเพรียงในการอธิษฐาน
ธุรกิจที่ทำให้ประเทศสั่นไหว เราไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่พระเยซูยิ่งใหญ่ ถ้าราบอกไม่มีผู้ใด ก็ไม่มีผู้ใด ประเทศสั่นไหว คนมีกำลังน้อย คนที่เต็มล้น กินไม่ได้ดื่มไม่ได้ เพราะไม่หิว อาหารอยู่ตรงหน้าก็ไม่ตัก
หิวกระหายได้รับเติมให้เต็มด้วยพระสิริของพระเจ้า พระวิญญาณได้เข้ามาอยู่ในตัวท่าน ร่างกายปัจจุบัน พระวิญญาณที่ทำให้พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ ปราบซาตาน นำพระเยซูสู่สวรรค์ อยู่ในตัวเราด้วย ออกมามากที่สุดตามความเชื่อของท่าน ตามความหิวของท่าน
…ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ ณ พระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร….อสย.6:1
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ให้สังเกตดูคนเหล่านั้นที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้คนอื่นหลง ซึ่งเป็นการผิดคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น เพราะว่าคนเหล่านั้น ไม่ได้ปรนนิบัติพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แต่ได้ปรนนิบัติท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำดีคำอ่อนหวาน การซึ่งท่านทั้งหลายได้เชื่อฟังก็เลื่องลือไปถึงหูคนทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าจึงมีความยินดีเพราะท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านเชี่ยวชาญในการดี และให้เป็นคนทึ่มในการชั่ว ไม่ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุข จะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลาย ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด…รม.16:17-20
สวรรค์สถานคือ โลกวิญญาณ
ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวงและทั่วคนทั้งปวงและภายในคนทั้งปวง ..อฟซ.4:6;
หน้าที่ของอัครทูตเป็นผู้แต่งตั้งคจ….1คร.9:1-2 ; มีหมายสำคัญยืนยัน (ข้าพเจ้าเป็นคนเขลาไปแล้วซี ท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็น เพราะว่าสมควรแล้วที่ท่านจะยกย่องข้าพเจ้า เพราะว่า ข้าพเจ้าไม่ด้อยกว่าอัครทูตชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นแต่ประการใดเลย ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่วิเศษอะไรเลยก็จริง แท้จริงลักษณะของอัครทูตก็ได้สำแดงให้ประจักษ์แจ้งในหมู่พวกท่านแล้ว ด้วยความเพียร โดยหมายสำคัญ โดยการอัศจรรย์และโดยการอิทธิฤทธิ์…2คร.12:11-12)

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map