Custom Search By Google

Custom Search

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ


หัวข้อ“ความเชื่ออย่างคาเลบ” โยชูวาบทที่ 14:1-15

โดย ศจ.สิริกานต์ มาศตะยาสิริ


Intro: วันนี้เราตื่นขึ้นมา เราได้ทำการสำรวจตัวเราเองว่า เรากำลังมีความเชื่อแบบไหนในชีวิตของเรา เรากำลังมีความเชื่อ(ความศรัทธา) ขนาดไหน 50/50 หรือ เต็มร้อย ทำไมผู้เขียนหนังสือโรม 1:17 จึงกล่าวว่า
17เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ
คนที่เชื่อข่าวประเสริฐของพระเยซูเป็นคนมีเหตุผลหรือไม่ แน่นอนมีเหตุผลตั้งแต่เริ่มต้น และจบลงด้วยเหตุผล แต่เหตุผลนั้นต้องเป็นเหตุผลของพระเจ้า มิใช่เหตุผลอย่างมนุษย์ อิสยาห์ 55:8-9
8เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้ 9“เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น”
ความเชื่อในพระเจ้าจึงเป็นการใช้เหตุผลของพระเจ้ามาแทนที่เหตุผลของตัวเราเอง และหนังสือโยชูวาบทนี้ จะให้เราได้เห็นความเชื่อของคาเลบ ที่รอคอยและเฝ้าสังเกตุ จดจำทุกถ้อยคำที่เป็นสัญญา และมิได้ลืมที่จะทวงถามสัญญานั้น ในเวลาที่เหมาะสม โยชูวา 14:1-15
Background: ดินแดนคานาอันสำหรับอีกเก้าเผ่าครึ่ง กำลังรอให้อิสราเอลเข้ายึดครอง พระคัมภีร์บันทึกว่า คานาอันถูกแบ่งออกด้วยฉลาก เพื่อแจกจ่ายให้แก่คนเก้าเผ่าครึ่ง วิธีจับฉลาก เป็นวิธีที่ยอมรับการกำหนดของพระเจ้าว่า ใครจะได้ดินแดนไหนไปเป็นมรดก สำหรับสองเผ่าครึ่ง คือ รูเบน กาด และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า ได้รับแผ่นดินไปแล้ว แต่ยังต้องทำหน้าที่เข้าร่วมรบกับพี่น้องอีกเก้าเผ่าครึ่งที่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปอีกฝั่งเพื่อจะรับส่วนแบ่งแผ่นดินข้างหน้า เราอาจรู้สึกว่า สองเผ่าครึ่งแรกที่รับแผ่นดินไปแล้ว ได้รับของตายแน่นอน แล้วอีกเก้าเผ่าครึ่งรู้สึกอย่างไร การจับฉลากได้เป็นตัวบอกให้เรารู้ว่า อีกเก้าเผ่าครึ่งไม่ได้รู้สึกว่า ใครได้ก่อน ใครได้ของตาย หรือใครได้เปรียบ การจับฉลากเป็นสิ่งที่อิสราเอลเวลานั้นเชื่อว่า แผ่นดินคานาอันเป็นของเขาตั้งแต่ยังไม่ยึดครอง การจับฉลากเป็นการยอมรับพระเจ้าว่าเป็นผู้แบ่งดินแดนให้กับเขา มิใช่มนุษย์
App. ความเชื่อของอิสราเอลในเวลานั้น เป็นอย่างที่หนังสือฮีบรู 11:1 กล่าวว่า
1ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
ความเชื่อของอิสราเอล เหมือนกับนางราหับ ดังที่ ยากอบ 2: 25-26
25เช่นเดียวกัน ราหับหญิงแพศยาก็ได้ความชอบธรรมเนื่องด้วยความประพฤติมิใช่หรือ เมื่อนางได้รับรองผู้ส่งข่าวเหล่านั้น และส่งเขาไปเสียทางอื่น 26เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น
นั่นหมายความว่า เขาไม่ได้มีความเชื่อและตั้งตารอคอยให้สิ่งที่พระเจ้าสัญญาลอยมาประเคนตรงหน้า ความเชื่อของอิสราเอลคือ ไปทำให้ความเชื่อนั้นเป็นจริง พระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวถึงการจับฉลาก แต่ก็มีความจริงอีกอันหนึ่งปรากฏคือ ก่อนที่จะมีการทอดฉลาก คาเลบผู้นำของเผ่ายูดาห์แสดงตนว่า ส่วนของเขาไม่ต้องทอดฉลาก ส่วนของเขาเป็นไม่ต้องพึ่งพาการทอดฉลาด เพราะการทอดฉลากเป็นส่วนของคนที่ไม่รู้ว่าพระเจ้ากำหนดตรงไหนไว้ให้เขา แต่สำหรับคาเลบ เขารู้ เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้สอดแนมสิบสองคนที่มีความเชื่อในเรื่องแผ่นดินคานาอันที่พระเจ้ายกให้กับอิสราเอล เขาเป็นผู้สอดแนมที่เข้าไปในเมืองคนยักษ์ กำแพงสูงใหญ่ และกลับออกมาด้วยความมั่นใจในพระสัญญาว่าเป็นของเขาแน่ เวลาที่ผ่านไปขณะที่รอคอยจนถึงเวลาที่อิสราเอลจะเข้ายึดดินแดน คาเลบจึงเป็นฝ่ายเริ่มต้นการสนทนากับโยชูวา เพื่อขอส่วนแบ่งดินแดน เพราะเขามีความชัดเจนว่า
1. ด้วยจิตใจที่แตกต่างและตามพระเจ้าอย่างมั่นคง โยชูวา 14:6-8
6ขณะนั้นคนยูดาห์มาหาโยชูวา ณ เมืองกิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ชาวตระกูลเคนัส ได้กล่าวแก่ท่านว่า “ท่านทราบเรื่อง ซึ่งพระเจ้าตรัสกับโมเสสผู้รับใช้ของ พระเจ้าที่คาเดชบารเนีย เกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้าแล้ว 7เมื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าใช้ให้ข้าพเจ้าไปจาก คาเดชบารเนีย เพื่อสอดแนมดูแผ่นดิน ข้าพเจ้ามีอายุสี่สิบปี ข้าพเจ้าได้นำข่าวมาแจ้งแก่ท่านตามความคิดเห็นของ ข้าพเจ้า 8แต่ส่วนพี่น้องซึ่งขึ้นไปพร้อมกับข้าพเจ้าได้กระทำให้จิตใจ ของประชาชนกลัว แต่ข้าพเจ้าได้ติดตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า อย่างสุดใจ
พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นรายละเอียดของบทที่ 11 ที่บันทึกว่า โยชูวาได้ยึดแผ่นดินทั้งสิ้น ใน 11:21 บทที่ 14 เป็นรายละเอียดก่อนมีการทอดฉลากเพื่ออิสราเอลจะเข้ายึดดินแดนเพื่อเผ่าต่างๆที่เหลืออีกเก้าเผ่าครึ่ง คาเลบพูดกับโยชูวาเพื่อทบทวนความเป็นมาของการมาขอดินแดนนี้ ด้วยคำสัญญาที่พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสส และโยชูวาเป็นพยานนั้น ในกันดารวิถี 14:24 24แต่ส่วนคาเลบผู้รับใช้ของเรา เพราะมีจิตใจต่างกันและได้ตามเราอยู่ตลอดมา เราก็จะได้นำเขาไปถึงแผ่นดินที่เขาได้ไปมา และเผ่าพันธุ์ของเขาจะได้กรรมสิทธิ์เมืองนั้น
จิตใจที่แตกต่างของคาเลบ คำแปลมาจากคำว่า อีกวิญญาณหนึ่ง หรืออีกอารมณ์หนึ่ง ( another spirit) มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรู แปลว่า ลม หรือวิญญาณ ที่แปรปรวนไปตามการถูกกระตุ้น ซึ่งวิญญาณของคาเลบแตกต่างจากผู้สอดแนมอีกสิบคน คาเลบจึงกล่าวด้วยความชัดเจนว่า แต่ส่วนพี่น้องซึ่งขึ้นไปพร้อมกับข้าพเจ้าได้กระทำให้จิตใจ ของประชาชนกลัว คาเลบกล่าวถึงอารมณ์ของผู้สอดแนมสิบคนตกอยู่ภายใต้อีกวิญญาณหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา เป็นวิญญาณที่ทำให้คนรอบข้างเต็มไปด้วยความกลัว ผู้สอดแนมสิบคนได้รายงานผลการสอดแนมในทางลบ ด้วยความไม่เชื่อว่า ดินแดนที่พระเจ้าสัญญายกให้นั้นจะเป็นจริง การรายงานจึงตรงกันข้ามกับความจริง ซึ่งพระเจ้าทรงถือว่าเป็นการสบประมาทพระองค์ กันดารวิถี 14: 23,26-30
23คนเหล่านี้จะมิได้เห็นแผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับ ปู่ย่าตายายของเขาฉันนั้น คนทั้งปวงที่สบประมาทเราจะไม่ได้เห็นแผ่นดิน นั้นสักคนเดียว.... 26พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 27“เราจะทนชุมนุมชนชั่วร้ายนี้บ่นต่อเรานานสักเท่าใด เราได้ยินเสียงบ่นของคนอิสราเอลซึ่งเขาบ่นว่าเรา 28เจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า พระเจ้าตรัสว่า 'เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะกระทำสิ่งที่เจ้าทั้งหลายบ่นให้เราได้ยินแก่ เจ้าฉันนั้น 29ซากศพของเจ้าจะตกหล่นอยู่ในถิ่นทุรกันดารนี้ จำนวนคนทั้งหมดของเจ้านับตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไป ผู้ใดที่บ่นว่าเรา 30จะไม่มีสักคนหนึ่งที่มาถึงแผ่นดินที่เราสัญญาว่า จะให้เจ้าอาศัยอยู่ เว้นแต่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์และโยชูวาบุตรนูน
ผลลัพธ์คือ มีแต่โยชูวาและคาเลบที่มีอายุจนแก่ชราเมื่อได้เข้าแผ่นดินคานาอัน นอกนั้นตายหมด คาเลบยังได้ยืนยันจิตใจที่แตกต่างของตนเองด้วยด้วยคำว่า แต่ข้าพเจ้าได้ติดตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า อย่างสุดใจ คำว่าสุดใจนี้คือจิตใจที่แตกต่างที่พระเจ้าทรงสนพระทัย เป็นความมั่นใจที่ไม่มีความสงสัยเลย ยากอบ 1: 6-8
....เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา 7ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย 8เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น นี่เป็นความหมายเดียวกับที่พระเจ้าตรัสกับโมเสสเรื่องคาเลบว่า เขามีความมั่นคงในการติดตามพระเจ้า ไม่กลับไปกลับมา คาเลบมั่นใจว่าเขาเป็นผู้ที่สมควรจะได้รับแผ่นดินตามที่พระเจ้าสัญญา เพราะพฤติกรรมของเขาสอดคล้องกับความเชื่อของตัวเขาเอง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดินคานาอันส่วนเมืองเฮโบรนว่าเป็นของเขา และขอจากผู้นำโยชูวา อย่างเต็มปากเต็มคำ
App. วันนี้เราขอพระเจ้าอย่างเต็มปากเต็มคำ หรืออ้อมๆแอ้มๆ เพราะไม่แน่ใจในการที่จะเข้าครอบครองสิ่งที่เรากำลังขอ เพราะเราเองยังรู้สึกอ้อมๆแอ้มในการติดตามและเชื่อฟังพระเจ้าอย่างไม่เต็มใจในบางครั้งหรือบ่อยๆอยู่หรือไม่
2. ความเชื่อที่สำแดงออกมา โยชูวา 14:9
9ในวันนั้นโมเสสได้ปฏิญาณว่า 'แท้จริงแผ่นดินซึ่งเท้าของท่านได้เหยียบย่ำไปนั้น จะตกเป็นมรดกของท่านและของบุตรหลานของท่าน สืบไปเป็นนิตย์ เพราะว่าท่านได้ติดตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของ ข้าพเจ้าอย่างสุดใจ
คาเลบได้อ้างถึงโมเสส ผู้นำของอิสราเอลที่ได้กล่าวเป็นเหมือนตัวแทนของคนทั้งหมดว่า คนอิสราเอลทั้งหมดได้เห็นความเชื่อของคาเลบที่สำแดงออกมา เป็นการติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ การติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจเป็นอย่างไร รากศัพท์คำว่าสุดใจนี้ แปลว่า เต็มๆ ที่จริงคาเลบใช้สำหรับตัวเองไปแล้วในข้อ 8 และคาเลบได้ยืนยันคำพูดของโมเสสอีกครั้ง นั่นคือการไม่ได้พูดด้วยตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นคำพูดที่มาจากคนรอบข้าง และโมเสสสามารถเป็นตัวแทนของคนรอบข้าง เป็นพยานที่ดีเกี่ยวกับความเชื่อของคาเลบในการติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ ในทำนองเดียวกัน ความเชื่อของคริสเตียนไม่ใช่แค่เก็บไว้ในใจคนเดียว แต่ต้องสำแดงออกมาเป็นการกระทำให้คนรอบข้างได้เห็นความเชื่อของตนเอง ไม่ใช่บอกกับบางคน แต่ไม่บอกกับบางคน หรือปกปิดการเป็นคริสเตียนเพราะกลัวจะสูญเสียคะแนนนิยม มัทธิว 10:33
32 “เหตุดังนั้นทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ 33แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะไม่ยอมรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ด้วย
คาเลบได้ดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อที่ระดับโมเสสตัวแทนของคนทั้งชาติมองเห็นและได้พยากรณ์ไว้ว่า 'แท้จริงแผ่นดินซึ่งเท้าของท่านได้เหยียบย่ำไปนั้น จะตกเป็นมรดกของท่านและของบุตรหลานของท่าน สืบไปเป็นนิตย์ นี่เป็นคำสัญญาที่คาเลบได้รับ วันที่คาเลบไปหาโยชูวา เขาแน่ใจเลยว่า ความเชื่อของเขาในสายตาของโมเสส จนมาถึงรุ่นโยชูวาเป็นผู้นำ ความเชื่อของเขายังเหมือนเดิม คือ เต็มๆ ในการติดตามพระเจ้า เขามั่นใจว่าเขาจะได้รับ และคนรอบข้างก็ยืนยันความเชื่อของคาเลบ
3. ความเชื่อที่กลายเป็นจริง โยชูวา 14:10-12
10และบัดนี้ ดูเถิด พระเจ้ายังทรงให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ตลอดสี่สิบห้าปีนี้ ดังที่พระองค์ตรัสตั้งแต่พระเจ้าตรัสเช่นนี้แก่โมเสส เมื่อคนอิสราเอลเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และนี่แน่ะวันนี้ข้าพเจ้ามีอายุแปดสิบห้าปีแล้ว11ข้าพเจ้ายังมีกำลังแข็งแรง เช่นเดียวกับวันที่โมเสสใช้ให้ข้าพเจ้าไป กำลังของข้าพเจ้าในการทำศึกสงคราม หรือออกไปและเข้ามาเดี๋ยวนี้ก็เป็นเหมือนครั้งนั้น 12เพราะฉะนั้นขอมอบแดนเทือกเขานี้ ซึ่งพระเจ้าตรัสในวันนั้นให้แก่ข้าพเจ้า เพราะท่านได้ยินในวันนั้นแล้วว่าคนอานาคอยู่ที่นั่น มีหัวเมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมอย่างเข้มแข็ง ชะรอยพระเจ้าจะทรงสถิตกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขับไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว”
อายุเป็นเพียงตัวเลข สำหรับคาเลบ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ความรักทำให้คนแก่แค่ไหนก็ยังรู้สึกหนุ่ม รู้สึกสาวขึ้นมาเสมอ เมื่อใกล้ถึงวันที่จะสมหวัง ความใฝ่ฝันกำลังจะกลายเป็นจริง ในทำนองเดียวกัน ยิ่งเราดำเนินชีวิตกับพระเจ้านานเท่าใด ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและกับพี่น้องยิ่งทำให้เรายิ่งมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ไม่ใช่ยิ่งเป็นคริสเตียนนานเท่าไร ยิ่งแห้ง ยิ่งเหี่ยว รู้สึกจืดชืด น่าเบื่อ เหมือนบางคนที่กลัวการแต่งงานเพราะกลัวแต่งแล้วเกิดเบื่อแล้วเลิกไม่ได้ ขอเราอย่าเอาความรู้สึกที่เรารู้สึกกับมนุษย์มาใช้กับพระเจ้าหรือกับพี่น้องในคริสตจักร บทพิสูจน์ความเชื่อของคาเลบคือใจรัก ที่จะเห็นพระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริง เวลาที่ผ่านไปถึงสี่สิบห้าปี ไม่ได้ทำให้ใจรักของคาเลบจางลงไปเลย กำลังที่จะรบในศึกสงครามเพื่อให้ได้รับตามพระสัญญายังเหมือนเดิม เป็นเหมือนไฟที่ไม่เคยมอด พี่น้อง วันนี้ ไฟในใจของเราที่ครั้งหนึ่งเคยกระตือรือร้นในพระเจ้า ดับมอดไปนานแล้วตามสังขารของเราหรือไม่ จงรับการจุดติดไฟนั้นอีกครั้ง และรักษาไฟนั้นไว้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน เราก็ยังมีไฟอยู่ อีกมุมหนึ่งของคาเลบ คือการขอดินแดนส่วนที่ยากที่สุด เพราะมีคนยักษ์ (คนอานาค) เมืองที่มีกำแพงใหญ่ ภูมิประเทศเป็นเทือกเขา คาเลบใช้สิทธิ์ของผู้อาวุโส (ซึ่งยังไม่จับฉลาก) เพราะคนที่อายุเกินยี่สิบปีขึ้นไปตอนโมเสสนับผู้ชายที่จะออกรบคราวก่อน คนเหล่านั้นตายหมด ซึ่งเวลานั้น คาเลบอายุได้สี่สิบปี มาถึงเวลานี้ เขาอายุแปดสิบห้าปี น่าจะเป็นผู้ที่คนอิสราเอลให้เกียรติมีสิทธิ์เลือกดินแดนก่อน โดยไม่ต้องจับฉลาก คาเลบเลือกสิ่งที่ยาก ตามความอาวุโสด้วย ท่าทีของคาเลบนี้เหมาะสำหรับผู้นำในยุคปัจจุบันของเราที่ได้รับเกียรติจากสมาชิก ก็ต้องเลือกวิถีการดำเนินชีวิตที่ยาก หรือทางแคบมากกว่าสมาชิกด้วย มิใช่ดำเนินชีวิตสบาย ไม่เป็นแบบอย่าง นอนมาก ตื่นสาย เฝ้าเดี่ยวก็ไม่เฝ้า เหมือนกับพ่อแม่ ก็ต้องเลือกทางแคบกว่าลูก ต้องทำงานหนักมากกว่าลูก มีวินัยมากกว่าลูก คนเป็นหัวหน้างานก็ต้องทำงานมากกว่าและใช้สมองมากกว่าลูกน้อง นี่คือวิถีของผู้ทำให้ความเชื่อกลายเป็นความจริง
4. พระเจ้าสถิตอยู่กับคาเลบ โยชูวา 14: 12,13-15
12เพราะฉะนั้นขอมอบแดนเทือกเขานี้ ซึ่งพระเจ้าตรัสในวันนั้นให้แก่ข้าพเจ้า เพราะท่านได้ยินในวันนั้นแล้วว่าคนอานาคอยู่ที่นั่น มีหัวเมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมอย่างเข้มแข็ง ชะรอยพระเจ้าจะทรงสถิตกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขับไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว” 13แล้วโยชูวา ก็อวยพรแก่ท่านและยกเมืองเฮโบรนให้คาเลบ บุตรเยฟุนเนห์เป็นมรดก 14เฮโบรนจึงตกเป็นมรดกแก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ ตระกูลเคนัสจนทุกวันนี้ เพราะว่าท่านติดตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของ อิสราเอลอย่างสุดใจ 15เมืองเฮโบรนนั้นแต่เดิมมีชื่อว่าคีริยาทอารบา อารบาคนนี้เป็นคนใหญ่โตที่สุดในคนอานาค แผ่นดินจึงได้สงบจากการศึกสงคราม
แม้คาเลบจะอาวุโสในท่ามกลางอิสราเอล แต่ก็ยังมีโยชูวาอีกคนที่เป็นผู้อาวุโส ที่นี่เราจะเห็นบทบาทของคาเลบกับโยชูวาสลับกัน เมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นคนหนุ่มผู้สอดแนม คาเลบถูกยกขึ้นในเวลานั้นให้เป็นประมุขของเผ่า และชื่อของเขาถูกกล่าวถึงว่า เป็นผู้ที่จะได้เข้าแผ่นดินคานาอัน ส่วนโยชูวาในเวลานั้น ไม่มีการกล่าวถึง แม้โยชูวาจะมีความเชื่อเหมือนคาเลบ แต่มีคาเลบคนเดียวที่ถูกยกขึ้น เป็นเพราะบทบาทของโยชูวาเวลานั้น เป็นนักรบที่ออกแนวหน้าอยู่เคียงคนสองคน(โมเสสและอาโรน) เท่านั้น ไม่ได้เป็นประมุขเผ่าหรือเป็นผู้นำกลุ่มคน วันนี้ โยชูวาเป็นคนที่อวยพรให้คาเลบออกไปยึดดินแดนตามพระสัญญา คือ เมืองเฮโบรน โยชูวาเป็นผู้นำของประมุขเผ่าทั้งหมด ซึ่งในพระคัมภีร์ไม่ได้มีที่ใดบันทึกว่าทั้งสองคนมีปัญหากันเกี่ยวกับเรื่องของบทบาทและตำแหน่ง และจนถึงเวลานี้ ทุกคนต่างรู้จักบทบาทตัวเอง และยอมรับการกำหนดของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ วันนี้เราจึงเห็นภาพที่สวยงามของผู้อาวุโสสองคนที่คุยกันและอวยพรกัน แทนการแย่งที่จะเป็นผู้นำหรือตกลงยอมก้มหัวให้กันไม่ได้
นี่เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของการพิสูจน์ความเชื่อในชีวิตของเรา คือ อย่าเป็นคนที่ทำอะไรง่ายๆ แค่ขอให้ผ่าน ขอแค่สุกเอาเผากิน จงเป็นคนที่ใช้ความเชื่อที่เป็นเหตุผลของพระเจ้า มิใช่ ใช้ความเชื่ออย่างงมงายแบบมนุษย์ การใช้ความเชื่อของคาเลบเกิดจากพระสัญญาของพระเจ้า ไม่ใช่กิเลศตัณหาความอยากได้ของเนื้อหนัง ความเชื่อของคาเลบจึงเป็นจริง เป็นของจริง ไม่ใช่แค่ฝันกลางวัน นั่นคือสิ่งที่คาเลบพูดกับโยชูวาว่า ที่เขาเลือกเมืองที่ยากนี้ เพราะ ชะรอยพระเจ้าจะทรงสถิตกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขับไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว”
ความยาก ที่ต้องใช้ความเชื่อ ไม่ได้เกิดจากคาเลบเป็นผู้กำหนด แต่พระเจ้าเป็นผู้กำหนด และคาเลบใช้ความเชื่อ (ไว้วางใจ) ตามพระสัญญา นี่แหล่ะคือจิตใจที่แตกต่างของคาเลบที่พระเจ้าทรงพอพระทัย คำพูดของคาเลบนี้แตกต่างจากที่พระเจ้าทรงตรัสกับโยชูวาในแต่ละครั้งที่ให้อิสราเอลยึดดินแดนคานาอันส่วนแรกๆ เพราะพระเจ้าจะเป็นผู้ขับไล่ศัตรูออกไปเอง แต่ที่นี่ การทรงสถิตอยู่ที่ตัวคาเลบ และตัวเขาเองจะเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการขับไล่ศัตรูออกไปได้ เขามีความเชื่อและพระสัญญา ทำให้การทรงสถิตอยู่ที่ตัวเขาแล้ว เหมือนที่พระธรรมโรม 8:31 กล่าวว่า
31ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา
ความเชื่ออย่างคาเลบ เป็นต้นแบบของคริสเตียนทุกคนที่จะดำเนินชีวิตชนะความกลัว ด้วยวิญญาณที่แตกต่าง พระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้เรามีวิญญาณที่แตกต่างได้ 2 โครินธ์ 3:17
17องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น
เสรีภาพ ที่ว่านี้ ทำให้เราหลุดจากอิทธิพลของวิญญาณแห่งความกลัว วันนี้ เรากำลังวิตกกังวลถึงวันข้างหน้าอยู่หรือไม่ คนของพระเจ้า อย่างเราทั้งหลายมีเสรีภาพที่จะดำเนินชีวิตโดยปราศจากความกลัว เพราะพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทำให้เราได้รู้จักความรักของพระเจ้าที่ปราศจากความกลัว 1ยอห์น 4:18 18ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัวเข้ากับการลงโทษและผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์

ความเชื่ออย่างคาเลบทำให้เขามั่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขา เขาไม่ระแวงความรักของพระเจ้า ไม่ระแวงพระสัญญาของพระเจ้า จงมีความเชื่ออย่างคาเลบ

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map