Custom Search By Google

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า


ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า

http://www.geocities.com/alumniccc/article/2004/armorofGod.html

เมื่อเราได้มารู้จักกับพระคริสต์ เรารู้ว่าเราไม่อาจหลีกหนีสงครามฝ่ายวิญญาณได้ ถ้าหากจะเปรียบสงครามฝ่ายวิญญาณที่เกิดขึ้นกับสงครามฝ่ายโลก ก็คงเหมือนกับสงครามระหว่างอเมริกากับอีรัก อเมริกาเป็นฝ่ายผู้ชนะสงคราม ในขณะที่อีรักนั้นแพ้อย่างราบคาบ และผู้นำซึ่งก็คือซัดดัมถูกควบคุมตัวเพื่อการพิพากษา เช่นเดียวกัน มารซาตานได้พ่ายแพ้องค์พระเยซูคริสต์แล้ว มันไม่มีอาวุธและไม่มีทางใดๆที่จะต่อสู้อีก มันกำลังรอเวลาเพื่อการพิพากษา คงจะเป็นเรื่องแปลกหากคนอิรักพยายามโกหกและบอกกับคนอเมริกาว่าตนเองเป็นฝ่ายชนะสงคราม และคงจะเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าหากมีคนอเมริกาหลงเชื่อในคำโกหกนั้น แต่สิ่งนี้กลับเกิดขึ้นจริงในสงครามฝ่ายวิญญาณ แม้ว่ามารซาตานจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่มันก็ยังพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะล่อลวงมนุษย์ให้พินาศไปพร้อมกับมัน

ทั้งๆที่เรารู้ว่าผู้เชื่อทุกคนซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเจ้าก็อยู่ฝ่ายชนะด้วย แต่หลายครั้งเรากลับไม่มั่นใจในชัยชนะที่เรามี ซาตานไม่มีอาวุธใดๆที่จะต่อกรได้อีกจะเว้นก็แต่เพียง "การโกหก" เท่านั้น หากมองผิวเผิน เราคงคิดว่าก็แค่การโกหก ก็เป็นเพียงแค่คำพูดที่ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆได้ แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมารซาตานเป็นพ่อแห่งการมุสา ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังตนเองในการดำเนินชีวิตเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในหลุมหรือกับดักที่มารได้วางไว้ พระเจ้าทรงรู้ดีถึงอันตรายของการโกหกของมารและรู้ว่าเราไม่อาจจะเผชิญกับสงครามนี้ด้วยตัวเปล่าได้ พระองค์จึงได้ทรงประทานยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นในการทำสงครามให้กับเรา และหน้าที่ของเราคือการสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดนั้นและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ในพระธรรมเอเฟซัส 6:11-18 ได้บอกเราเกี่ยวกับสงครามฝ่ายวิญญาณและยุทธภัณฑ์ทั้งชุดที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้กับเรา ดังนี้ "จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้


เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน"
ยุทธภัณฑ์อย่างแรกที่พระเจ้าประทานให้เราคือ "เอาความจริงคาดเอว" ซาตานพยายามจู่โจมความคิดของเรา มันพยายามทำให้เราสงสัยในพระเจ้า เหมือนกับที่มันได้ทำกับอาดัมในสวนเอเดน "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้" ปฐมกาล 3:1 ทั้งๆที่จริงๆแล้วพระเจ้าตรัสว่า "บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่" ปฐมกาล 2:16 - 17 ไม่เพียงแค่การสงสัยเท่านั้น มันยังพยายามทำทุกวิถีทางให้เราหันหลังให้พระเจ้า มันใช้การข่มเหงเพื่อให้เราเปลี่ยนใจ ใช้คำสอนผิดๆเพื่อให้เราหลงไป หรือแม้แต่การพยายามให้เราพึ่งตนเองมากขึ้นและเลิกพึ่งพาพระเจ้า ทำให้เราเข้าใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความสามารถของเราเองเท่านั้น เหมือนกับมันได้ทำให้กษัตริย์ดาวิดนับจำนวนประชากรอิสราเอลใน 1 พงศาวดาร 21:1-2 "ซาตานได้ยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอล และดลพระทัยให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและผู้บังคับบัญชากองทัพว่า จงไปนับอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาถึงเมืองดาน แล้วนำรายงานมาให้เรา เพื่อจะได้ทราบจำนวนรวมของเขาทั้งหลาย" เพื่อที่จะต่อสู้กับสงครามดังกล่าว เราจำเป็นต้องใช้เข็มขัดแห่งความจริงในการต่อสู้ การคาดเอวในที่นี้หมายถึงการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ การคอยเฝ้าระวังอยู่ เหมือนกับที่พระเยซูได้ตรัสเป็นการเปรียบเทียบไว้ใน ลูกา 12:35 ว่า "ท่านทั้งหลายจงคาดเอวของท่านไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่" สำหรับความจริงในที่นี้ก็คือความจริงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งจะสามารถช่วยเราในการต่อต้านปัญหาและความคิดที่ซาตานใส่เข้ามาให้เราได้ สิ่งสำคัญที่จะให้เราสามารถดำเนินชีวิตบนความจริงนี้ได้ก็คือการที่เราต้องยอมจำนนชีวิตของเราต่อพระเจ้าและให้พระองค์ได้รับเกียรติผ่านทางชีวิตของเรา

ยุทธภัณฑ์อย่างที่สองที่พระเจ้าประทานให้เราคือ "เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก" เป้าหมายหลักของมารซาตานคือพยายามนำคนให้พินาศไปพร้อมกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นมันจึงพยายามโจมตีความคิดและอารมณ์ของเรา มันพยายามทำให้เราคิดว่าเราสามารถรอดได้ด้วยความชอบธรรมหรือความสามารถของเราเอง เหมือนกับในลูกา 18:9 - 13 ที่ฟาริสีเห็นว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรมกว่าคนเก็บภาษีเพราะได้ทุ่มเทให้กับการอธิษฐาน ทุ่มเทให้กับการพยายามดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ และคิดว่าพระเจ้าจะต้องชื่นชอบเขามากกว่าคนบาปอย่างคนเก็บภาษีอย่างแน่นอน แต่พระเยซูกลับบอกว่าคนที่ไว้ใจตนเองว่าเป็นผู้ชอบธรรม คนที่ยกตัวเองขึ้นนั้นจะต้องถูกเหยียดลง ความพยายามทั้งสิ้นของเราที่ปราศจากพระเจ้าก็ไร้ความหมาย ความชอบธรรมของเราก็เปรียบเหมือนเสื้อผ้าสกปรก เหมือนกับที่ได้กล่าวไว้ในพระธรรมอิสยาห์ 64:6 ว่า "ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงอย่างใบไม้ และความผิดของข้าพระองค์ทั้งหลายได้พัดพาข้าพระองค์ไปเหมือนลม"


เราต้องระมัดระวังว่าความรอดหรือความชอบธรรมที่เรามีนั้นไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมเลย "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย" โรม 3:10 แต่ความชอบธรรมที่เรามีนั้นเป็นของประทานที่มาจากพระเจ้า เราได้รับมาโดยทางความเชื่อ "ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ" ฟิลิปปี 3:9 และใน 2 โครินธ์ 5:21 ยังได้ย้ำเราว่า "เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์" ไม่เพียงแค่การระลึกว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมหรือรอดได้เพราะความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้น ในการดำเนินชีวิตของเราจะต้องชอบธรรมด้วย เราจะต้องรักษาชีวิตของเราให้บริสุทธิ์เพื่อที่เราจะได้มีชัยชนะในการต่อสู้ที่มีขึ้นอยู่ทุกๆวัน "กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา เราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน แต่ท่านจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์เจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง" โรม 13:12-14
ยุทธภัณฑ์อย่างที่สามที่พระเจ้าประทานให้เราก็คือ "รองเท้าของข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข" หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ารองเท้าในที่นี้หมายถึงการออกไปประกาศข่าวประเสริฐเหมือนกับในพระธรรมโรม 10:15 ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า "และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมาช่างงามจริงๆหนอ" รองเท้าที่กล่าวถึงในที่นี้คือการยึดมั่นในข่าวประเสริฐไม่ใช่การประกาศ เพราะเรากำลังกล่าวถึงยุทธภัณฑ์ที่พระเจ้าประทานให้ และเราสามารถสวมยุทธภัณฑ์อันนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราได้รู้จักพระเจ้าแล้วเท่านั้น


ในการออกไปทำสงคราม รองเท้ามีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถยืนได้อย่างมั่นคง หากเราสวมรองเท้าที่ไม่ดีออกไปรบ เราอาจจะลื่นหรือล้มได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงการเสียชีวิตได้ ก่อนที่เราจะมารู้จักพระเจ้านั้นเราอยู่คนละฝ่ายกับพระองค์ แต่เพราะข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขนี่เองทำให้เราได้กลับมาคืนดีกับพระองค์โดยผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ "เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา" โรม 5:1


เมื่อเราได้มาคืนดีกับพระองค์ เราก็อยู่ฝ่ายพระองค์ และเรามั่นใจได้ว่าเราจะได้รับการปกป้อง ได้รับการดูแลจากพระองค์ และจะไม่มีอำนาจใดสามารถมาทำร้ายเราได้ถ้าพระองค์ไม่ทรงอนุญาต ไม่เพียงแค่การกลับมาคืนดีกับพระเจ้าและอยู่ในฝ่ายเดียวกับพระองค์เท่านั้น แต่พระเจ้ายังทรงรักษาสันติสุขอันนี้ไว้ให้เราโดยผ่านทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ที่จะทรงชำระบาปต่างๆของเราเมื่อเราได้ล่วงละเมิดหรือทำผิดพลาดไป "แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น" 1 ยอห์น 1:7 และพระองค์ยังทรงสัญญาด้วยว่าสันติสุขที่มอบให้เรานี้เป็นสันติสุขที่นิรันดร์ ไม่มีสิ่งไหนจะสามารถมาพรากไปจากเราได้ "โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์" ฮิบรู 10:14 ดังนั้นเมื่อเรารู้และมั่นใจว่าสันติสุขที่เราได้รับนั้นเป็นสันติสุขที่นิรันดร์ เราก็จะสามารถยืนหยัดในการต่อสู้ได้อย่างมั่นคง อ่านต่อฉบับหน้า

โดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความที่นำมาแบ่งปันให้กัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แล้วจะิดตามอ่านต่อได้ที่ไหน ยังไงคะ
อยากรู้ว่ายุทธภัณฑ์ของพระเจ้าน่ะมีความหมายยังไงค่ะ
pony_jaunty@hotmail.com

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map