Custom Search By Google

Custom Search

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เรื่อง การนมัสการที่แท้จริง

"พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณ และความจริง" (ยอห์น 4:24)


หัวข้อที่เราจะเรียนรู้ด้วยกัน ก็คือ การนมัสการที่แท้จริง

พระคัมภีร์ข้อนี้ เมื่อมีการแปลเป็นภาษาไทย ก็แปลตรงตามภาษาเดิม คือ ให้นมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง สิ่งสำคัญก็คือ การนมัสการที่แท้จริง จะขาดความจริงไม่ได้ นอกจากจะใช้จิตวิญญาณแล้ว ยังต้องใช้ความจริงด้วย เราต้องนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ มิใช่กราบไหว้อะไรก็ได้ เราคริสเตียนจะนมัสการพระเจ้าด้วยสัจธรรมที่แท้จริง นั่นคือการนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้องค์นี้

การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง ประกอบไปด้วยองค์ประกอบดังนี้


1. การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง จะต้องนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้
"และขอให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรม และความบริสุทธิ์ที่แท้จริง" (เอเฟซัส 4:24)


พระองค์ทรงมีความชอบธรรมและมีความบริสุทธิ์ที่แท้จริง เมื่อเราจะนมัสการพระองค์ เราจะต้องดำเนินชีวิตตามสัจธรรม เราจะต้องดำเนินชีวิตตามความชอบธรรม ดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์

การนมัสการที่แท้จริงจะต้องมีผลต่อการดำเนินชีวิต ปัจจุบันของเขา การนมัสการจะเป็นการกำหนดทัศนคติในการดำเนินชีวิต บอกว่าแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างไร เขากราบไว้นมัสการอย่างไรก็จะดำเนินชีวิตอย่างนั้น ถ้าผุ้ใดกราบไหว้เงินทอง การดำเนินชีวิตเขาก็จะให้เงินทองมีความสำคัญในชีวิตของเขา คุณค่าชีวิตของเขาก็จะเป็นอย่างนั้น เราคนจีน ก็พบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยไปกราบไว้เทพเจ้าต่าง ๆ เพื่อที่จะมีเงินทองมากมาย อยากจะร่ำรวยสะดวกสบาย การดำเนินชีวิตของเขาก็จะกระทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินทองมากมาย แม้ถึงจะต้องกระทำผิดกฎหมายในบางครั้งก็ยังทำ

วันนี้เรากราบไหว้พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ พระเจ้าแห่งสัจธรรม ผู้ทรงเต็มไปด้วยความชอบธรรม และบริสุทธิ์ เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของคนเรา สมควรยิ่งที่เราจะนมัสการพระองค์ เราจะต้องให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา

การนมัสการในภาษาจีน มีความหมายมาก นั่นคือ การนมัสการพระเจ้าองค์สูงสุด พระองค์ทรงสูงส่ง และเป็นอันดับต้น อันดับแรก เราจะต้องยอมจำนน ยอมเชื่อฟังพระองค์


"ปีลาตจึงทูล พระองค์ว่า 'ถ้าเช่นนั้น ท่านก็เป็นกษัตริย์น่ะซี' พระเยซูตรัสตอบว่า 'ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์ เพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมา และเข้ามาในโลก เพื่อเป็นพยานให้แก่สัจจะ คนทั้งปวงซึ่งอยู่ฝ่ายสัจจะย่อมฟังเสียงของเรา' " (ยอห์น 18:37)


ในพระคัมภีร์เดิม บอกว่าพระยาเวห์เป็นพระเจ้าจอมกษัตริย์ แม้ในพระคัมภีร์ใหม่ก็บอกว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์ ดังเช่นตอนปีลาตถามพระเยซูว่า "ท่านเป็นกษัตริย์หรือ" ซึ่งเป็นการยากที่พระองค์จะทรงตอบตามความจริง แต่พระองค์ทรงยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ เป็นกษัตริย์ฝ่ายสัจธรรม มิใช่เป็นทางฝ่ายปกครอง

ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ มีราชวงศ์ต่าง ๆ มากมาย มีการขึ้นและลงสลับกันไป แต่พระเยซูคริสต์เจ้ามิได้ทรงเป็นกษัตริย์ฝ่ายปกครอง ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสัจธรรมในชีวิตของเราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียน

มีชายคนหนึ่ง มาถามศิษยาภิบาลในคริสตจักรแห่งถึง ถามว่า "ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูคริสต์เป็นเจ้ากษัตริย์ ทรงเป็นกษัตริย์ในระบอบใดกันแน่ อยู่ในระบบธรรมนูญ หรือระบบสมบูรณายาสิทธิราช"

ศิษยาภิบาลคนนั้นตอบว่า "ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสัจธรรม ทรงเป็นกษัตริย์ที่อยู่ในธรรมนูญที่กำหนดไว้ และทรงเป็นกษัตริย์ที่มีสิทธิ์อำนาจสมบูรณ์ ตามระบบสมบูรณายาสิทธิราช ธรรมนูญที่ทรงกำหนดเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่พระองค์ทรงกำหนดขึ้นมา พระองค์ไม่สามารถทำตรงข้ามกับพระลักษณะของพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ในสัจธรรมที่ทรงกำหนดไว้ และในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงมีสิทธิอำนาจเด็ดขาด เพราะทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง เป็นพระผู้สร้าง ทรงมีสิทธิอำนาจสมบูรณ์"

ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าที่เราเคารพบูชา เป็นพระเจ้าที่ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งมวล พระองค์ทรงมีความชอบธรรมและบริสุทธิ์ และก็ยังทรงมีสิทธิอำนาจเด็ดขาด

วันนี้เรามานมัสการพระเจ้า เราให้พระเจ้าเป็นอันดับต้นในชีวิตของเรา เราก็จะดำเนินตามทางของพระองค์ ไม่ออกไปในทางที่ผิดพลาด เราจะเดินอยู่ในหนทางชีวิต เราจะขอบคุณพระเจ้า เชิดชูพระองค์ เชื่อฟังพระองค์ ให้พระองค์มาเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา

อาจารย์เปาโลบอกว่า


"ข้าพเจ้าถูก ตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า" (กาลาเทีย 2:20)


การดำเนินชีวิตอยู่ ชีวิตเรามิได้เป็นของเรา แต่เป็นของพระเจ้า ดั้งนั้นเราจึงต้องในพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง


2. การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง เราจะต้องมีชิวตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
นอกจากเราจะนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้เท่านั้นแล้ว เราจะต้องมีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์


"ผู้ใดที่พูด ตามใจชอบของตนเอง ผู้นั้นย่อมแสวงเกียรติสำหรับตนเอง แต่ผู้ที่แสวงหาเกียรติให้พระองค์ผู้ทรงใช้ตนมา ผู้นั้นแหละ เป็นคนจริงไม่มีอธรรมเลย" (ยอห์น 7:18)


"เหตุฉะนั้น เมื่อท่านจะรับประทานจะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า" (1โครินธ์ 10:31)


หลักการสำคัญในชีวิตของเราก็คือ การถวายเกีรยติยศแด่พระเจ้า มีชีวิตที่เป็นพรแก่ผู้อื่น แสวงหาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

มีชายหนึ่ง ก่อนแต่งงานยังไม่ได้เชื่อในพระเยซู เมื่อแต่งงานแล้วมีโอกาสได้กลับใจ มารู้จักกับพระเจ้า ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด หลังจากเชื่อพระเจ้าแล้ว จิตวิญญาณร้อนรนมาก แต่ภรรยายังไม่รู้จักพระเจ้า

ครั้งหนึ่ง สามีภรรยาพูดคุยกัน ภรรยาถามว่า "ในครอบครัว ใครเป็นที่หนึ่ง"

สามีตอบว่า "พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นที่หนึ่ง"

ภรรยาก็หน้าดำขึ้นมา ไม่พอใจสามี เพราะไม่ยอมบอกว่าภรรยาเป็นที่หนึ่ง แต่กลับให้พระคริสต์เป็นที่หนึ่ง

ชายคนนี้เมื่อทำอะไร เขาจะอธิษฐานก่อน เมื่อทำธุรกิจก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนสามารถเป็นเถ้าแก่

ในสำนักงานมีการเลขาคนหนึ่งทำงานอยู่ เลขาคนนี้มีหน้าที่สวย มีความสามารถ แต่มักที่จะพยายามชายคนนี้ซึ่งเป็นเจ้านายเสมอ ชายคนนี้พยายามที่จะหลีกเลี่ยง แม้ว่าเลขาคนนี้จะเก่ง แต่ยิ่งมายิ่งน่ากลัว พยายามจะแย่งสามีคนอื่น พยายามล่อลวง ในที่สุดชายคนนี้จึงตัดสินใจที่จะให้เลขาคนนี้ลาออกไป

เมื่อเรื่องนี้มาถึงหูภรรยา ภรรยาจึงเข้าใจว่า ที่ชายคนนี้บอกว่า ให้พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต เป็นอย่างนี้นี่เอง เพราะชายคนนี้ให้พระเยซูเป็นที่หนึ่ง จึงไม่ได้ทำผิดต่อภรรยา ภรรยาผู้นี้จึงประทับใจ และกลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ด้วย

หลังจากนั้น ทั้งสามีและภรรยา ต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่า "ให้พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต"

นี่แหละ คือสิ่งที่เราบอกว่าเรานมัสการพระเจ้า คือการที่ชีวิตถวายเกียรติแด่พระเจ้า


3.การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง คือ การสรรเสริญพระเจ้า
"ข้าพเจ้าได้ แลเห็น และดูเถิด พระเมษโปดกทรงยืนอยู่ที่ภูเขาศิโยน และผู้ที่อยู่กับพระองค์มีจำนวนแสนสี่หมื่นสี่พันคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีพระนามของพระองค์ และพระนามของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผากของเขา" (วิวรณ์ 14:1)


"คนเหล่านั้น ร้องเพลงบทใหม่ หน้าพระที่นั่งหน้าสัตว์ทั้งสี่นั้น และหน้าพวกผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถร้องเพลงบทนั้นได้ นอกจากคนแสนสี่หมื่นสี่พันคนนั้น ที่ได้ทรงไถ่ไว้แล้วจากแผ่นดินโลก" (วิวรณ์ 14:3)


คนกลุ่มนี้ ได้ถวายเพลงสรรเสริญพระเจ้า ร้องเพลงบทใหม่ ซึ่งคนอื่นไม่สามารถจะเลียนแบบได้ เพราะไม่ได้ใช้ปากร้องเท่านั้น แต่ร้องออกมาจากชีวิต เป็นเพลงแห่งชีวิต เป็นเพลงแห่งการดำเนินชีวิต คนที่รู้จักนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ และคนที่มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์เท่านั้น ที่จะสามารถนมัสการเช่นนี้ได้


"เขาก็พากัน ถือทางอิมทผลัม ออกไปต้อนรับพระองค์ร้องว่า 'โฮซันนา {ในที่นี้เป็นข้อความแสดงการสรรเสริญ} ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือ พระมหากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทรงพระเจริญ' " (ยอห์น 12:13)


"สัตว์ทั้ง สี่นั้น มีปีกหกปีก และมีตาทั้งรอบนอก และข้างใน และสัตว์เหล่านั้นร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า 'บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน และผู้ซึ่งจะเสด็จมา' " (วิวรณ์ 4:8)


"องค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ พระเกียรติ และฤทธิ์เดช เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงนั้น ก็ทรงสร้างขึ้นแล้ว และดำรงอยู่ตามชอบพระทัยของพระองค์" (วิวรณ์ 4:11)


อาจารย์ยอห์นได้กล่าวถึงการนมัสการบนสวรรค์ พระเจ้าของเราทรงฤทธานุภาพสูงสุด สมควรที่ได้รับการสรรเสริญ สรรพสิ่งทั้งปวงก็เต็มไปด้วยพระปัญญาของพระเจ้า นักวิทยาศาสตร์จึงมีการค้นพบสิ่งต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เต็มไปด้วยสิ่งล้ำลึกมากมาย

เมื่อไปอยู่สวรรค์แล้ว เราจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากนมัสการพระเจ้า แล้วเช่นนี้จะน่าเบื่อหรือไม่ คำตอบคือ มิได้เป็นเช่นนั้น เพราะจริง ๆ แล้วเราจะมีเรื่องมากมายที่จะสรรเสริญพระเจ้า เราสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ไม่รู้จบสิ้น


"และท่านผู้ ประทับบนพระที่นั่งนั้น ปรากฏประดุจแก้วมณีโชติ และแก้วทับทิม และมีรุ้งล้อมรอบพระที่นั่งนั้น ดูประหนึ่งแก้วมรกต" (วิวรณ์ 4:3)


ในพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้ ที่พระที่นั่งมีรุ้งปรากฎอยู่ ซึ่งเช่นเดียวกับในปฐมกาลที่มีรุ้งเกิดขึ้น รุ้งนี้สำแดงพระคุณของพระเจ้า แสดงถึงพระสัญญาแห่งพระคุณที่พระเจ้าทรงมีแก่มนุษย์ พระเจ้าทรงรักมนุษย์ เราจึงสมควรที่จะสรรเสริญความรักของพระองค์


"แต่ท่าน ทั้งหลายเป็นชนชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์" (1เปโตร 2:9)


เราที่เป็นคริสเตียน มีหน้าที่ประกาศพระบารมีของพระเจ้า ชีวิตของเราจะต้องสำแดงให้โลกรู้ว่า พระเจ้าของเรานั้นทรงบริสุทธิ์ นั่นคือการประกาศพระบารมีของพระเจ้า


"เพราะว่า เราทั้งหลายเป็นพวกถือพิธีเข้าสุหนัตแท้ เป็นผู้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ และอวดพระเยซูคริสต์ และไม่ได้ไว้ใจในเนื้อหนัง" (ฟิลิปปี 3:3)


เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจเรา จิตใจเราจึงสรรเสริญพระเจ้า การนมัสการพระเจ้าในคริสตจักรมิได้เป็นเพียงพิธีการ แต่การนมัสการพระเจ้าจะต้องออกมาจากใจ เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

อาจารย์เปาโลและสิลาส เมื่อประกาศที่แห่งแรกของยุโรป ก็ถูกจับ ถูกโบยตี และติดคุก อยากให้พี่น้องลองสังเกตว่าท่านทั้งคู่ได้บ่นว่าพระเจ้าหรือไม่ ? พระเจ้าได้นำให้เขามาที่นี่ แล้วทำไมยังต้องถูกจับ ถูกโซ่ตรวน ถูกดูถูกดูหมิ่นอีกเล่า ? แต่ท่านทั้งคู่มิได้พูดเช่นนี้เลย แต่ท่านสรรเสริญพระเจ้า และก็เกิดการอัศจรรย์ขึ้น พระกิตติคุณได้ประกาศไปถึงยุโรป ทำให้มีคนเป็นอันมากได้รับพระกิตติคุณและความรอด รวมถึงคนในคุกด้วยเช่นกัน ดังนั้นคริสเตียนกลุ่มแรกอาจเป็นคริสเตียนในเรือนจำ เนื่องจากการนมัสการของอาจารย์เปาโลและสิลาส


"พระวิญญาณ แห่งพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังผู้ที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้เล้าโลมคนที่ชอกช้ำระกำใจ และร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย และบอกการเปิดเรือนจำออก {หรือ การเบิกตา แต่ฮีบรูว่า การเปิด} ให้แก่ผู้ที่ถูกจำจอง" (อิสยาห์ 61:1)


เมื่ออ่านประวัติศาสร์คริสตจักร ที่จริงแล้วอาณาจักรโรมมีการกราบไหว้รูปเคารพมากมาย แต่ต่อมาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นจักรวรรดิของคริสตชน มีการยกเลิกระบบทาส ซึ่งจริง ๆ แล้วอาณาจักรโรมได้ใช้ทาสเหล่านี้ในการสร้างอาณาจักรขึ้นมา แต่โดยพระกิตติคุณของพระเจ้านี่เอง สามารถเปลี่ยนอาณาจักรนี้ได้ และก็มิได้มีทาสอีกต่อไป

วันนี้เรานมัสการพระเจ้าอย่างไร เรานมัสการพระเจ้าด้วยสัจธรรม ด้วยจิตวิญญาณหรือไม่



ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน


สรุปคำเทศนาโบสถ์จีน คริสตจักรสะพานเหลือง


เมื่อวันที่ 01/02/2009


เรื่อง การนมัสการที่แท้จริง


หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map