Custom Search By Google

Custom Search

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พระสุรเสียงของพระคริสต์

http://www.romyenchurch.org/sermon/15-02-2009.doc
เติบโตในพระคำ เดินตามพระวิญญาณ
ธรรมศึกษาจากพระธรรมเอเฟซัส
บทที่ 1: 1 – 14
พระประสงค์ของพระเจ้า
วันที่เทศนา : 15 กุมภาพันธ์ 2009

คำทักทายของเปาโลมายังประชากรของพระเจ้า (ข้อ 1 – 2)
“จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงประชากรของพระเจ้าที่เมืองเอเฟซัส ผู้สัตย์ซื่อในพระเยซูคริสต์ ของพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย” (เอเฟซัส 1: 1 – 2)
“Paul, an apostle of Christ Jesus by the will of God, to the saints who are also faithful in Christ Jesus: Grace to you and peace from God our Father and the Lord Jesus Christ.”
(Ephesians 1: 1 – 2)

ก่อนที่จะศึกษาพระธรรมคำสอนที่ทรงคุณค่า เกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้า ขอให้เราพิจารณาคำคำนับของท่าน ถ้าอาจารย์เปาโลยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน ท่านจะไม่เปลี่ยนแปลงคำคำนับนี้เพราะคำคำนับของท่านจะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือของพระธรรมทั้งเล่ม

ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ข้อ 1)
ผู้เขียนคือ อาจารย์เปาโล ประกาศตนเอง “เป็นอัครทูต”
คำว่า อัครทูต (Apostle) ในภาษากรีก แปลว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ออกไปทำภารกิจตามที่มอบหมายให้ไปทำ ดังนั้นเมื่ออาจารย์เปาโลพูดถึงตนเองว่าอัครทูตจึงหมายถึง
1. เขาเป็นของพระคริสต์ ชีวิตของเขาไม่ใช่เป็นของตนเองต่อไป เขาจะทำอะไรตามอำเภอใจต่อไปไม่ได้ ทุกก้าวในวิถีชีวิตจะเดินอยู่ในทางพระคริสต์เท่านั้น
2. หมายถึง เขาเป็นผู้ที่พระเจ้าส่งออกไป คำว่า อัครทูตแปลว่าผู้ที่ถูกส่งไป คำนี้ใช้ได้กับความหมาย ทูตที่ประเทศต่างๆ ส่งไปเป็นตัวแทน อ.เปาโลถือว่าตัวเองเป็นทูตที่พระคริสต์ส่งออกไปทำพันธกิจในโลก
3. หมายถึง สิทธิอำนาจใดๆ ที่ตนมีอยู่ล้วนเป็นเรื่องการรับมอบอำนาจจากพระเจ้า เขาไม่คิดว่าพลังอำนาจ สติปัญญา ความรู้มาจากตนเอง แท้จริงแล้วทั้งหมดที่เขามีอยู่มาจากพระเจ้า

นอกจากจะประกาศตนเองว่าเป็นอัครทูตดังกล่าวแล้ว สิ่งที่น่าสนใจและตอกย้ำสถานภาพของตนคือคำว่า – ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
อาจารย์เปาโลกล่าวคำนี้เพื่อผู้อ่านจะมีความชัดเจนว่า ไม่ใช่ตัวเขาเองเลือกอยากเป็นอัครทูต มันไม่ได้ออกมาจากความทะเยอทะยาน และไม่ใช่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งชักชวนและสถาปนาให้เป็นอัครทูต ตัวท่านเองคงแปลกใจด้วยซ้ำเพราะเหตุใดพระเจ้าจึงเรียกเขา ... พระเจ้าได้ทรงเรียกและเลือกด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์ให้เปาโลเป็นภาชนะรับใช้ในคำสอน ความอดทน ความเพียรพยายาม และรวมทั้งตัวอย่างในการดำเนินชีวิตและการรับใช้

ประวัติโดยสรุปของผู้ที่ชื่อว่า “เปาโล”
อาจารย์เปาโลได้ให้ความเข้าใจพื้นฐานแล้วว่า ไม่ว่าตัวเอง คำสอน และกิจการทั้งปวงล้วนได้รับจากเบื้องบน ฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนจากข้อเขียนจึงไม่ได้ทำตามมนุษย์แต่ได้ทำตามพระเจ้า ถ้อยคำคำสอนจากอาจารย์เปาโลในหนังสือเล่มนี้ถือว่าได้รับการดลใจจากพระวิญญาณให้เขียนขึ้น
เป็นการดีที่เราจะศึกษาบุคคลที่พระเจ้าใช้ เพื่อจะช่วยให้เราเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นภาชนะของพระองค์
1. ชื่อ “เปาโล” (Paul) เป็นชื่อภาษาลาติน แปลว่า “เล็ก” แต่อาจารย์เปาโลมีอีกชื่อหนึ่งเป็นภาษาฮีบรู “เซาโล” (Saul) แปลว่า อธิษฐานทูลขอ
2. เป็นคนยิวและเคร่งครัดในลัทธิยิวอย่างมากจนได้เป็นฟาริสีตามรอยเท้าของพ่อ (กิจการ 22: 3, 6)
3. ต่อต้าน ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคือพระมาซีฮาห์ หรือ พระคริสต์ ที่ชนชาติยิวรอคอย ถ้าใครเชื่อและติดตามคำสอนของพระเยซูเขาจะกำจัด โดยวิธีรุนแรงแม้ทำให้ตาย (กิจการ 22: 4 – 5)
4. ขณะเดินทางไปเมืองดามัสกัสเพื่อไปจับและข่มเหงคริสเตียน พระเยซูคริสต์ปรากฏแก่เขาด้วยรัศมีอันยิ่งใหญ่ จนตกลงพื้นและได้ยินพระสุรเสียงของพระคริสต์ เปาโล กลับใจยอมรับพระคริสต์ (กิจการ 26: 12 – 18)
5. พระคริสต์เลือกให้เขาเป็นภาชนะรับใช้ เขาเชื่อฟังรับใช้ด้วยความสัตย์แม้จะถูกข่มเหง ถูกจำคุก ถูกใส่ร้าย แม้ยากลำบาก และแม้จะต้องถูกประหารชีวิต (กิจการ 22:
6 – 10; 26: 15 – 18)

จากประวัติความเป็นมาของอาจารย์เปาโลที่กล่าวมาแล้วนี้ล้วนมาจากคำบอกเล่า จากประสบการณ์อันแท้จริง และพระเจ้าดลใจให้หมอลูกาได้บันทึกไว้ ดังนั้นเราไม่มีข้อกังขาเนื้อหาสาระและประสบการณ์ชีวิต เป็นของจริงมีความน่าเชื่อถือ
มีความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้จากคำพูดที่เกิดจากประสบการณ์ของอาจารย์เปาโล สามารถเป็นจริงกับทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย ต่อไปนี้ของให้เราศึกษาคำพูดเหล่านั้น

1. พระเยซูคริสต์ช่วยทุกคนให้รอดได้
“ข้อความนี้เป็นความจริงซึ่งสมควรแก่การยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา คือพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด และในบรรดาคนบาปข้าพเจ้าเป็นตัวร้ายที่สุด”
(1 ทิโมธี 1: 15)
“The saying is sure and worthy of full acceptance, that Christ Jesus came into the world to save sinners. And I am the foremost of sinners;” (1 Timothy 1: 15)

ไม่ว่าผู้นั้นจะเคยเป็นคนบาปมากหรือนาน และลึกขนาดไหน พระเจ้ายังคงรักและเมตตา พระองค์พร้อมจะช่วยเมื่อผู้นั้นเปิดใจต้อนรับพระองค์ เพียงเราตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดที่ไหนพระองค์ตอบรับทันที
พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและชะตากรรมชีวิตของเรา และเราจะพบความอบอุ่นในชีวิตที่ไม่เคยพบมาก่อนเลย

2. พระเยซูสามารถรักษาทุกสิ่งที่เราฝากไว้กับพระองค์
“นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ กระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้” (2 ทิโมธี 1: 12)
“And therefore I suffer as I do. But I am not ashamed, for I know whom I have believed, and I am sure that he is able to guard until that Day what has been entrusted to me.”
(2 Timothy 1: 12)

ถึงแม้อาจารย์เปาโลจะไม่ได้พูดชัดเจนว่า ท่านได้ฝากอะไรไว้ แต่จากการศึกษาชีวิตและการทำงานตลอดชีวิต อาจารย์เปาโลรู้แน่ว่าระหว่างเอาชีวิตไว้ในมือของตนเองกับมอบชีวิตไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า อาจารย์เปาโลทราบดีว่าความมั่นคงในชีวิต ความมั่นใจในการรับใช้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าปลอดภัยกว่าแน่ ปัญหาหลายอย่าง ความไม่เข้าใจหลายเรื่อง เราสามารถฝากไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์

3. พระเยซูคริสต์เสริมพลังในยามยากลำบาก
“ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4: 13)
“I can do all things in him who strengthens me.” (Philippians 4: 13)

ชีวิตในโลกบางครั้งสุขสบาย แต่บางครั้งต้องเผชิญโพยภัยพายุร้าย บางครั้งต้องเบียดเสียดสีกับความสับสน ความไม่สมหวัง และการสูญเสีย ไม่ใช่ทุกครั้งที่พระเจ้ายกเราออกจากวิกฤติ แต่บางครั้งพระองค์ประสงค์ให้เราผ่านวิกฤติด้วยพลังจากพระองค์ เราจะเรียนรู้ว่าพลังในผู้เชื่อนั้นมากมายเพียงใด หลายครั้งเราแพ้ไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้แต่อาจเป็นเพราะเราไม่ยอมสู้

4. พระเยซูคริสต์ช่วยให้กล้าเผชิญความตายด้วยใจมั่นคงและความหวังใจ
“เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังถูกเทออกแล้วเหมือนเครื่องบูชาและถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งมาจนถึงเส้นชัย ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว บัดนี้มงกุฎแห่งความชอบธรรมรอข้าพเจ้าอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าตุลาการผู้เที่ยงธรรมจะประทานมงกุฎนี้เป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าคนเดียวแต่จะประทานแก่คนทั้งปวงที่เฝ้าคอยการเสด็จมาของพระองค์ด้วย” (2 ทิโมธี 4: 6 – 8)
“Have no anxiety about anything, but in everything by prayer and supplication with thanksgiving let your requests be made known to God. And the peace of God, which passes all understanding, will keep your hearts and your minds in Christ Jesus. Finally, brethren, whatever is true, whatever is honorable, whatever is just, whatever is pure, whatever is lovely, whatever is gracious, if there is any excellence, if there is anything worthy of praise, think about these things.” (2 Timothy 4: 6 – 8)

สำหรับคริสเตียน ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แท้จริงทุกวันนี้คนไม่ได้กลัวความตายเนื่องจากมันเป็นสัจธรรม ไม่มีใครหนีพ้นได้ แต่คนกลังความตายเพราะความไม่แน่ใจชีวิตหลังความตาย อาจารย์เปาโลรู้อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาตายจากโลกนี้ ท่านหนุนใจคริสเตียนว่า เราทุกคนมีความหวังอันเดียวกัน เราไม่กลัวความตายและความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป



เติบโตในพระคำ เดินตามพระวิญญาณ
ธรรมศึกษาจากพระธรรมเอเฟซัส
บทที่ 1: 1 – 14
พระประสงค์ของพระเจ้า

คำทักทายของเปาโลมายังประชากรของพระเจ้า (ข้อ 1 – 2)
“จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงประชากรของพระเจ้าที่เมืองเอเฟซัส ผู้สัตย์ซื่อในพระเยซูคริสต์ ของพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย” (เอเฟซัส 1: 1 – 2)
“Paul, an apostle of Christ Jesus by the will of God, to the saints who are also faithful in Christ Jesus: Grace to you and peace from God our Father and the Lord Jesus Christ.”
(Ephesians 1: 1 – 2)

ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ข้อ 1)
คำว่า อัครทูต (Apostle) ในภาษากรีก (Apostolos) แปลว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ออกไปทำภารกิจตามที่มอบหมายให้ไปทำ

ประวัติโดยสรุปของผู้ที่ชื่อว่า “เปาโล”
1. ชื่อ “เปาโล” (Paul) เป็นชื่อภาษาลาติน แปลว่า “เล็ก” แต่อาจารย์เปาโลมีอีกชื่อหนึ่งเป็นภาษาฮีบรู “เซาโล” (Saul) แปลว่า อธิษฐานทูลขอ
2. เป็นคนยิวและเคร่งครัดในลัทธิยิวอย่างมากจนได้เป็นฟาริสีตามรอยเท้าของพ่อ (กิจการ 22: 3, 6)
3. ต่อต้านคริสเตียน (กิจการ 22: 4 – 5)
4. กลับใจขณะเดินทางไปเมืองดามัสกัส (กิจการ 26: 12 – 18)
5. พระเจ้าเลือกให้เขาเป็นภาชนะของพระคริสต์ (กิจการ 22: 6 – 10; 26: 15 – 18)



ประสบการณ์ของอาจารย์เปาโลสามารถเป็นจริงกับทุกคน
1. พระเยซูคริสต์ช่วยทุกคนให้รอดได้
“ข้อความนี้เป็นความจริงซึ่งสมควรแก่การยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา คือพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด และในบรรดาคนบาปข้าพเจ้าเป็นตัวร้ายที่สุด”
(1 ทิโมธี 1: 15)
“The saying is sure and worthy of full acceptance, that Christ Jesus came into the world to save sinners. And I am the foremost of sinners;” (1 Timothy 1: 15)
2. พระเยซูสามารถรักษาทุกสิ่งที่เราฝากไว้กับพระองค์
“นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ กระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้” (2 ทิโมธี 1: 12)
“And therefore I suffer as I do. But I am not ashamed, for I know whom I have believed, and I am sure that he is able to guard until that Day what has been entrusted to me.”
(2 Timothy 1: 12)
3. พระเยซูคริสต์เสริมพลังในยามยากลำบาก
“ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4: 13)
“I can do all things in him who strengthens me.” (Philippians 4: 13)
4. พระเยซูคริสต์ช่วยให้กล้าเผชิญความตายด้วยใจมั่นคงและความหวังใจ
“เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังถูกเทออกแล้วเหมือนเครื่องบูชาและถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งมาจนถึงเส้นชัย ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว บัดนี้มงกุฎแห่งความชอบธรรมรอข้าพเจ้าอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าตุลาการผู้เที่ยงธรรมจะประทานมงกุฎนี้เป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าคนเดียวแต่จะประทานแก่คนทั้งปวงที่เฝ้าคอยการเสด็จมาของพระองค์ด้วย” (2 ทิโมธี 4: 6 – 8)
“Have no anxiety about anything, but in everything by prayer and supplication with thanksgiving let your requests be made known to God. And the peace of God, which passes all understanding, will keep your hearts and your minds in Christ Jesus. Finally, brethren, whatever is true, whatever is honorable, whatever is just, whatever is pure, whatever is lovely, whatever is gracious, if there is any excellence, if there is anything worthy of praise, think about these things.” (2 Timothy 4: 6 – 8)


พระสุรเสียงของพระคริสต์
บุตรของเราเอ๋ย เจ้าควรสละทุกสิ่งเพื่อคนทั้งปวง และไม่เป็นเจ้าของตัวของเจ้าเองแต่อย่างใด เจ้าควรจะรู้ว่าการรักตัวเองเป็นอันตรายแก่เจ้ามากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก เจ้ารักและชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่ สิ่งนั้นจะติดอยู่กับเจ้ามากน้อยเพียงนั้น ถ้าความรักของเจ้าบริสุทธิ์ ง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย เจ้าจะไม่เป็นทาสของสิ่งใดเลย อย่าโลภในสิ่งที่เจ้าไม่อาจมีได้ อย่ามีอะไรไว้ในความครอบครองของเจ้าซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคแก่เจ้าได้หรือทำให้เจ้าเสียเสรีภาพไป

เป็นการแปลกที่เจ้าไม่ยอมมอบตัวเจ้าไว้กับเราโดยสุด กำลังใจของเจ้า พร้อมกับสิ่งสารพัดที่เจ้าสามารถปรารถนาหรือมีอยู่ได้ ทำไมเจ้าจึงเร่าร้อนด้วยความทุกข์ใจอย่างโง่เขลา ทำไมเจ้าจึงเหน็ดเหนื่อยกับความกระวนกระวายที่ไม่จำเป็น จงจำนนต่อความประสงค์ของเราและเจ้าจะไม่ประสบความเสียหายใด ๆ

ถ้าเจ้าแสวงหาสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น ถ้าเจ้าปรารถนาจะอยู่ที่นี่หรือที่นั่น ที่จะมีความสะดวกสบายหรือความสนุกสนานมากขึ้น เจ้าจะไม่ได้พักผ่อนหรืออยู่อย่างปราศจากความกระวนกระวาย เพราะเจ้าจะพบจุดบกพร่องสักอย่างในทุก ๆ สิ่ง และในทุก ๆ แห่งจะมีคนทำให้เจ้ารำคาญใจ ดังนั้น การได้ ทรัพย์สินของฝ่ายโลกและมีมากขึ้นหลายเท่าจะไม่ช่วยเจ้า แต่สิ่งที่จะช่วยเจ้าก็คือการเกลียดชังและถอนสิ่งเหล่านี้ออกไปจากใจของเจ้า นี่เป็นความจริงไม่เพียงในเรื่องเงินทองและทรัพย์สินสิ่งของเท่านั้น แต่เกี่ยวกับความทะเยอทะยานที่อยากได้เกียรติและความปรารถนาที่จะได้รับการ ชมเชยที่ไร้ค่า ซึ่งทั้งหมดนี้จะสูญสิ้นไปพร้อมกันกับโลกนี้

สถานที่ไม่สำคัญเท่าไรนักถ้า จิตวิญญาณแห่งความร้อนรนไม่ได้อยู่ที่นั่น และสันติสุขที่แสวงหาจากภายนอกก็จะไม่เป็นสิ่งถาวร ถ้าใจของเจ้าไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง นั่นคือ ถ้าเจ้าไม่ได้ตั้งอยู่ในเรา เจ้าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่เจ้าจะไม่ทำให้ตัวเจ้าเองดีขึ้น เพราะเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้นและเจ้ายอมรับโอกาสนั้น เจ้าจะพบสิ่งที่เจ้าได้หนีมาและเลวร้ายกว่านั้นอีก



พระสุรเสียงของพระคริสต์

ลูกของเราเอ๋ย นี่คืออุปนิสัยที่เจ้าควรมีถ้าเจ้าปรารถนาที่จะดำเนินอยู่กับเรา เจ้าควรพร้อมที่จะทนทุกข์เท่า ๆ กันกับที่พร้อมที่จะมีความสุข เจ้าควรเต็มใจที่จะขัดสนและยากไร้เท่า ๆ กันกับที่จะร่ำรวยและอิ่มหนำ


สาวก

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะทนทุกข์ด้วยความเต็มใจเพื่อเห็นแก่พระองค์ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระองค์ปรารถนาจะส่งมาให้แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์พร้อมที่จะรับจากพระหัตถ์ของพระองค์ทั้งสิ่งดีและสิ่งร้าย ทั้งความหวานชื่นและความขมขื่น ทั้งความทุกข์กับความชื่นบาน และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็ขอบคุณพระองค์ ขอพระองค์ทรงป้องกันไม่ให้ข้าพระองค์ทำความผิดบาปใด ๆ แล้วข้าพระองค์จะไม่กลัวความตายหรือนรก อย่าทอดทิ้งข้าพระองค์เป็นนิตย์ หรือลบชื่อของข้าพระองค์ออกจากหนังสือแห่งชีวิต แล้วไม่ว่าข้าพระองค์จะเผชิญกับความทุกข์ยากชนิดไนก็ตาม นั่นจะไม่สามารถทำร้ายข้าพระองค์ได้

เขียนโดย โธมัส อาเคมพิส
แปลโดย พญ. เออร์ซูลา โลเวนธอล
เรียบเรียงโดย กนกบรรณสาร

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map