Custom Search By Google

Custom Search

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พลับพลาของพระเจ้า

วันที่เทศนา 7 กันยายน 2008
หัวข้อเทศนา เส้นทางสู่การครอบครองแผ่นดินพระสัญญา – รู้จักความรู้สึกของพระเจ้า
ข้อพระคัมภีร์ อพยพ 25: 1 – 8

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า จงสั่งชนอิสราเอลให้นำสิ่งของมาถวายเรา เจ้าจงรับของที่ทุกคนนำมาถวายเราด้วยความสมัครใจ เจ้าจงรับของถวายที่เขานำมามอบให้ได้แก่ ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ ด้วยสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ผ้าลินินเนื้อดี ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังพะยูน ไม้กระถินเทศ น้ำมันมะกอกสำหรับจุดประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอม โกเมนและอัญมณีอื่นๆ สำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวง แล้วให้ประชากรอิสราเองสร้างสถานนมัสการให้เรา และเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา” (อพยพ 25: 1 – 8)
“The LORD said to Moses, "Speak to the people of Israel, that they take for me an offering; from every man whose heart makes him willing you shall receive the offering for me. And this is the offering which you shall receive from them: gold, silver, and bronze, blue and purple and scarlet stuff and fine twined linen, goats' hair, tanned rams' skins, goatskins, acacia wood, oil for the lamps, spices for the anointing oil and for the fragrant incense, onyx stones, and stones for setting, for the ephod and for the breastpiece. And let them make me a sanctuary, that I may dwell in their midst.” (Exodus 25: 1 – 8)

นอกจากธรรมบัญญัติต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้แก่ประชากรของพระองค์แล้ว พระองค์ยังบัญชาให้โมเสสสร้างพลับพลาหรือเต็นท์ พลับพลาหรือเต็นท์ปกติเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวสามารถรื้อถอนหรือสร้างตามแต่ต้องการ ตามวิถีชีวิตของผู้ใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดารในสมัยนั้น แต่พลับพลาหรือเต็นท์ที่พระเจ้าให้โมเสสสร้างขึ้นมีความหมายและความสำคัญมากกว่าเป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่สถานที่นี้จะได้รับการสถาปนาเป็นสถานที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าเลือกสถานที่นี้ให้เป็นที่ๆ พระองค์ประทับอยู่ และพระองค์จะตรัสผ่านสถานที่นี้ ฉะนั้นพลับพลาจึงเป็นศูนย์กลางแห่งคุณค่าทางวิญญาณ
พลับพลาแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ลานภายนอก ห้องบริสุทธิ์ และห้องบริสุทธิ์ที่สุดที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อภิสุทธิสถาน ที่นี่มีแท่นแห่งพระคุณหรือหีบแห่งพันธสัญญา ภายในหีบนั้นมีมานา ศิลาจารึกพระบัญญัติ 10 ประการ และไม้เท้าของอาโรนที่ผลิดอก ห้องนี่ไม่มีใครเข้าไปได้นอกจากมหาปุโรหิตเข้าไปปีละครั้งทำหน้าที่ถวายเครื่องหอมและเครื่องบูชาเพื่อชนชาติอิสราเอล ห้องนี้ถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด เป็นที่ๆ พระเจ้าประทับอยู่
พลับพลาของพระเจ้าที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ถือว่ามีสาระธรรมสำคัญแฝงอยู่อย่างลึกซึ้งหลายเรื่อง มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศาสนศาสตร์ และเรื่องเปรียบเทียบต้นแบบ (Typology)
แต่ในบทเรียนนี้จะให้ความสำคัญกับ ความรู้สึกของพระเจ้าที่ประสงค์จะประทับอยู่ใกล้ประชากรของพระองค์

I. สามัคคีธรรมที่ขาดหายไป
“เย็นวันนั้นเขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงดำเนินอยู่ในสวน จึงหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ให้พ้นจากพระองค์ พระเจ้าพระยาห์เวห์ตรัสเรียกหาชายนั้นว่า เจ้าอยู่ที่ไหน”
(ปฐมกาล 3: 8 – 9)
“And they heard the sound of the LORD God walking in the garden in the cool of the day, and the man and his wife hid themselves from the presence of the LORD God among the trees of the garden. But the LORD God called to the man, and said to him, "Where are you?"” (Genesis 3: 8 – 9)

“พระเจ้าพระยาห์เวห์จึงทรงขับไล่เขาออกจากสวนเอเดนให้ไปหาเลี้ยงชีพบนผืนดินซึ่งเขาถือกำเนินมานั้น หลังจากทรงขับไล่เขาออกไปจากสวนแล้ว พระองค์ทรงตั้งเหล่าเครูบไว้ที่ด้านตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงเล่มหนึ่งที่พุ่มไปมาเพื่อคอยพิทักษ์ทางซึ่งนำไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น” (ปฐมกาล 3: 23 – 24)
“Therefore the LORD God sent him forth from the garden of Eden, to till the ground from which he was taken. He drove out the man; and at the east of the Garden of Eden he placed the cherubim, and a flaming sword which turned every way, to guard the way to the tree of life.” (Genesis 3: 23 – 24)

พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายของพระองค์ก็เพื่อว่า พระองค์จะสามารถ สามัคคีธรรมกับพวกเขาได้ พระเจ้ามีความปิติเมื่อพระองค์เสด็จมาพบกับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์และสามัคคีธรรมขาดสะบั้นเมื่อมนุษย์เลือกฟังเสียงและทำตามมารซาตานมากกว่าเชื่อและทำตามพระเจ้า ความบาปเป็นเครื่องกั้นระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า พระเจ้าไม่อาจเข้าหามนุษย์ และมนุษย์ไม่อาจเข้าหาพระเจ้าได้อย่างเสรี ในยุคพันธสัญญาเดิมมนุษย์กับพระเจ้าสามัคคีธรรมได้ผ่านทางเครื่องบูชา ความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ในรูปของพระเจ้ากับมนุษย์ ไม่ใช่พ่อกับลูก

II. สะพานแห่งสามัคคีธรรม
“ในเมื่อบัดนี้เราได้ถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้นเราจะรอดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าโดยพระองค์อย่างแน่นอน เพราะถ้าเรายังได้คืนดีกับพระเจ้าโดยการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรของพระองค์ในขณะที่เราเป็นศัตรูกับพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเราได้คืนดีกับพระองค์แล้ว เราก็จะได้รับความรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นแต่เรายังชื่นชมยินดีในพระเจ้าโดยทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วย บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว” (โรม 5: 9 – 11)
“Since, therefore, we are now justified by his blood, much more shall we be saved by him from the wrath of God. For if while we were enemies we were reconciled to God by the death of his Son, much more, now that we are reconciled, shall we be saved by his life. Not only so, but we also rejoice in God through our Lord Jesus Christ, through whom we have now received our reconciliation.” (Roman 5: 9 – 11)

“เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์การทรงสร้างใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งเก่าได้ล่วงไป สิ่งใหม่ได้เข้ามา ทั้งหมดนี้มาจากพระเจ้าผู้ทรงให้เราคืนดีกับพระองค์โดยทางพระคริสต์ และทรงมอบหมายพันธกิจแห่งการคืนดีนี้แก่เรา คือพระเจ้าได้ทรงให้โลกคืนดีกับพระองค์ในพระคริสต์ไม่ถือโทษบาปของมนุษย์ และพระองค์ทรงมอบหมายเรื่องราวแห่งการคืนดีนี้ไว้กับเรา ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์เสมือนหนึ่งพระเจ้าทรงร้องเรียกท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ว่า จงคืนดีกับพระเจ้า พระเจ้าทรงกระทำพระองค์ผู้ปราศจากบาปให้เป็นบาปเพื่อเรา เพื่อในพระองค์เราจะกลายเป็นความชอบธรรมของพระเจ้า”
(2 โครินธ์ 5: 17 - 21)
“Therefore, if any one is in Christ, he is a new creation; the old has passed away, behold, the new has come. All this is from God, who through Christ reconciled us to himself and gave us the ministry of reconciliation; that is, in Christ God was reconciling the world to himself, not counting their trespasses against them, and entrusting to us the message of reconciliation. So we are ambassadors for Christ, God making his appeal through us. We beseech you on behalf of Christ, be reconciled to God. For our sake he made him to be sin who knew no sin, so that in him we might become the righteousness of God.” (2 Corinthians 5: 17 – 21)

ถึงแม้ว่ามนุษย์จะพลาดพลั้งหลงผิด หลงทาง แต่พระเจ้าไม่เคยลืมพระประสงค์ของพระองค์ ความล้มเหลวของมนุษย์ไม่ทำให้พระองค์ล้มเลิกแผนการรื้อฟื้นความสัมพันธ์นิรันดร
เมื่อเราศึกษา พลับพลา เราสามารถเห็นภาพแผนการล่วงหน้าว่าพระองค์จะนำมนุษย์คืนดีกับพระองค์อย่างไร เริ่มจากมนุษย์อยู่ภายนอกพลับพลาที่ประทับของพระเจ้า เขาเข้าผ่านประตูเล็งถึงพระเยซูคริสต์ และเข้ามาพบกับแท่นถวายบูชาพูดถึงการวายพระชนม์ของพระคริสต์ ผ่านการชำระด้วยน้ำเล็งถึงการชำระชีวิตด้วยพระคำ เข้ามาห้องบริสุทธิ์ร่วมสามัคคีธรรมกับพระคริสต์ผ่านโต๊ะขนมปัง และรับแสงสว่างจากพระเจ้าผ่านทางเชิงเทียน และเข้าไปสู่วิสุทธิสถาน แท่นแห่งพระคุณที่จะมองดูความบริสุทธิ์และความงดงามของพระเจ้า
บัดนี้เราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าแล้ว เราทำให้พระเจ้าปลื้มปิติ และตัวเราเองก็มีความปิติยินดีในสามัคคีธรรมนี้ ไม่ใช่เราเท่านั้นที่หิวกระหายพระเจ้า แต่พระเจ้าเองก็โหยหาสามัคคีธรรมกับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเช่นกัน

III. ตัวเราและคริสตจักรคือพลับพลาของพระเจ้า
“ท่านไม่รู้หรือว่าท่านเองเป็นวิหารของพระเจ้าและพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตภายในท่าน”
(1 โครินธ์ 3: 16)
“Do you not know that you are God's temple and that God's Spirit dwells in you?”
(1 Corinthians 3: 16)

“เราบอกความจริงแก่ท่านว่าพวกท่านผูกมัดสิ่งใดๆ ในโลก สิ่งนั้นจะถูกผูกมัดในสวรรค์ และพวกท่านปลดปล่อยสิ่งใดๆ ในโลก สิ่งนั้นจะถูกปลดปล่อยในสวรรค์ เราบอกท่านอีกว่าหากท่านสักสองคนในโลกเห็นชอบร่วมกันในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ท่านทูลขอ พระบิดาของเราในสวรรค์จะทรงกระทำสิ่งนั้นให้แก่พวกท่าน เพราะที่ไหนมีสองสามคนมาร่วมชุมนุมกันในนามของเรา เราก็อยู่กับพวกเขาที่นั่น” (มัทธิว 18: 18 – 20)
“Truly, I say to you, whatever you bind on earth shall be bound in heaven, and whatever you loose on earth shall be loosed in heaven. Again I say to you, if two of you agree on earth about anything they ask, it will be done for them by my Father in heaven. For where two or three are gathered in my name, there am I in the midst of them."” (Matthew 18: 18 – 20)

ผลจากความสำเร็จในการไถ่มนุษย์ผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ ผู้เชื่อในพระคริสต์ได้รับการชำระความผิดบาป รับการสร้างใจใหม่ เราถูกแยกออกมาเป็นประชากรของพระองค์ พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มาประทับอยู่ภายในวิญญาณเรา โดยพระวิญญาณรังสีแห่งความยิ่งใหญ่เข้ามาในส่วนลึกที่สุดของชีวิตของเรา
นอกจากพระองค์จะประทับอยู่ภายในผู้เชื่อแต่ละบุคคลแล้ว พระองค์ก็สัญญาว่าพระองค์จะประทับอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ทุกครั้งที่มาประชุมร่วมกัน
พวกเรากลายเป็นพลับพลาหรือที่ประทับของพระองค์ ชีวิตของพวกเราขณะนี้เปรียบดังพลับพลาสมัยชนชาติอิสราเอล คือ เป็นที่ประทับชั่วคราวและเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะไปถึงพลับพลาถาวรในสวรรค์

สรุป
ณ ถิ่นทุรกันดารซีนาย เราสามารถเห็นประชากรของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
1. ชนชาติอิสราเอลไม่เพียงแต่เป็นประชาชนธรรมดาในสายตาของพระเจ้า พวกเขาเป็นปุโรหิตของพระเจ้า พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่เรียกได้ว่า เป็นศาสนิกชน
2. ชนชาติอิสราเอลรับพระบัญญัติ มีว่า ศาสนธรรม ศาสนพิธี และศาสนกิจ
3. พลับพลาที่พระเจ้าให้สร้างขึ้นให้เป็นศูนย์กลางทางวิญญาณ เราเรียกว่า ศาสนสถาน เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์
คริสเตียนทุกคนต้องไม่ลืมว่า พวกเราคือศาสนสถานที่ประทับของพระเจ้า พระองค์จะตรัสและทำพระราชกิจขอพระองค์ผ่านทางจิตวิญญาณภายในเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map