Custom Search By Google

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พระสิริของพระเจ้า

ดวงอาทิตย์จะไม่เป็นความสว่างของเจ้าในกลางวันอีก หรือ ดวงจันทร์่ให้แสงแก่เจ้าในกลางคืนเพื่อเป็นความสุกใส แต่พระเจ้าจะทรงเป็นความสว่างเป็นนิตย์ของเจ้า และพระเจ้าของเจ้าจะเป็นศักดิ์ศรีของเจ้า - อิสยาห์ 60.19

พระเจ้าปรารถนาที่จะแบ่งปันพระสิริของพระองค์ให้คุณ

1.พระเจ้าปรารถนาที่จะแบ่งปันพระสิริของพระองค์ให้กับเรา พระเยซูคริสต์อธิษฐานต่อพระบิดาเพื่อพวกเราทุกคน “ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่เพื่อคนทั้งปวงที่จะเชื่อในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา เพื่อเขาทั้งหลายจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น” ยอห์น 17.20-22 “เกียรติ”นั้น ในภาษากรีกที่ใช้เขียนพระคัมภีร์คือคำว่า “พระสิริ” และนี่คือพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าเองเป็นผู้ริเริ่มที่จะกระทำสิ่งนี้ให้กับเรา

2. และเพราะว่าพระสิริของพระเจ้านั้นสำแดงอย่างสมบูรณ์ในองค์พระเยซูคริสต์ การที่จะมีส่วนในพระสิริของพระเจ้านั้น ก็คือการมีส่วนร่วมในความทุกข์ทรมานกับพระองค์ด้วย “เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้สง่าราศีด้วยกันกับพระองค์ด้วย” โรม 8.17

3. เนื่องจากพระสิริ กับ พระพักตร์พระเจ้านั้นอยู่คู่กันเสมอ ดังนั้น พระสิริจึงเคลื่อนไหวได้ และไม่หยุดนิ่ง (1 ซามูเอล 4.21-22 และ เอเสเคียล 10.18 )

4. พระสิริของพระเจ้า คือ บุคลิกลักษณะด้านคุณธรรมความดีสูงสุดของพระเจ้า แผ่นดินสวรรค์เต็มไปด้วยพระสิริของพระเจ้า ดังนั้น เมื่อพระสิริของพระเจ้ามา ก็จะนำการรื้อฟื้น การปลดปล่อย การช่วยกู้มาด้วย เมื่อใดที่มีการสำนึกผิด สารภาพ ละทิ้งรูปเคารพ กลับหลังหันจากความบาป การล้างมือจากพฤติกรรมที่ชั่วร้าย หันมาเสาะแสวงหาพระเจ้า หัวใจที่แตกสลายเพราะสำนึกผิดแล้วและต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เมื่อนั้นแหละพระสิริของพระเจ้าก็จะลงมาอยู่เหนือพวกเรา ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคริสเตียนมารวมตัวกันในงานประชุมฟื้นฟูเพื่อแสดงว่าเขาสำนึกบาป กลับใจ สารภาพบาป และแสวงหาหน้าพระเจ้า แล้วการรักษาโรคภัยเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ คนกลับใจมากมาย ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ดึงดูดพระสิริของพระเจ้าลงมาอยู่เหนือจิตใจที่สำนึกผิดนี่เอง

ในโลกนี้ เราได้รับสัมผัส แตะต้อง แค่ชิม สง่าราศี และ พระสิิริของพระองค์ เวลาที่พระเจ้าเสด็จมาช่วยกู้เราจากความทุกข์ยากลำบากของเรา การปลดปล่อยจากโรคภัยไข้เจ็บ การกดขี่ข่มเหงจากศัตรู จากวิญญาณชั่วนั้น สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่การชิมอนาคตที่กำลังจะมาถึง ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงต่างก็รอคอยการเสด็จมาปรากฏของพระเยซูคริสต์อีกครั้ง ด้วยความหวังใจว่าเมื่อพระองค์กลับมานั้น เวลานั้นแหละที่พระสิริของพระเจ้าจะสำแดงอย่างสมบูรณ์ที่สุดถึงขนาดครอบคลุมไปทั่วโลก ดั่งน้ำที่เต็มทะเล และเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาครอบครองด้วยสง่าราศีของพระองค์นั่นแหละ เราก็จะมีส่วนร่วมในสง่าราศีนั้นด้วย “เพราะว่าพิภพจะเต็มไปด้วยความรู้ในเรื่องพระสิริของพระเจ้า ดั่งน้ำที่เต็มทะเล” ฮาบากุก 2.14

ดังนั้น เราควรมีท่าทีอย่างไร ในการเตรียมตัวรับเสด็จ “กษัตริย์ผู้ทรงพระสิริ” (สดุดี 24 ) นี้ และแผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้ถึงเรื่องพระสิริของพระเจ้าได้อย่างไร ? ก็ได้โดยการ เริ่มต้นที่ตัวคุณก่อนครับ โดยการเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมที่ไม่ดีของเราก่อนครับ โดยพระโลหิต พระคำ และ พระวิญญาณบริสุทธิ์

1. ให้ความคิด จิตใจของเราจดจ่ออยู่ที่พระเยซูคริสต์ ไม่ใช่สิ่งของในโลกนี้เพราะว่าตัวเรานั้นตายแล้ว และเพราะพระเยซูคริสต์ เป็นชีวิตของเราที่เราดำเนินอยู่ในขณะนี้ “ในเมื่อทรงให้ท่านทั้งหลายเป็นขึ้นกับพระคริสต์แล้ว ก็จงให้ใจของท่านจดจ่อกับสิ่งที่อยู่เบื้องบน ที่ซึ่งพระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์พระเจ้า จงให้ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับสิ่งเบื้องบน มิใช่สิ่งฝ่ายโลก เพราะท่านตายแล้ว และ บัดนี้ ชีวิตของท่านถูกซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่านปรากฏ เมื่อนั้น ท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริด้วย

2. ให้ฆ่าความคิดที่ไม่ดีและพฤติกรรมเลวร้ายเหล่านี้เสียให้ตาย “เหตุฉะนั้น จงประหารโลกียวิสัยของท่านเสีย คือ การผิดศีลธรรมทางเพศ ความโสมม ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่วและความโลภ ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้ พระพิโรธของพระเจ้ากำลังจะมาถึง ครั้งหนึ่ง ท่านเคยดำเนินชีวิตในทางเหล่านี้ แต่บัดนี้ท่านจงกำจัดสิ่งทั้งปวงต่อไปนี้ให้หมดเสียจากตัวท่าน คือ ความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การคิดปองร้าย การกล่าวร้าย และวาจาหยาบช้าจากปากของท่าน อย่าโกหกกัน ในเมื่อท่านสลัดทิ้งตัวตนเก่า ๆ พร้อมกับความประพฤติเดิม ๆ แล้ว และสวมตัวตนใหม่ซึ่งกำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายขององค์พระผู้สร้าง ขณะที่ท่านเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้น” โคโลสี 3.1-10 อมตธรรมร่วมสมัย นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวนะครับ แต่เราจำต้องเรียนรู้เรื่องนี้ทุกวันตลอดชีวิตของเรา อย่าลืมทุกครั้งที่คุณพลาดไปและรู้ตัวว่าพลาดไป สารภาพกับพระเจ้าทันที ขอพระโลหิตชำระล้าง และเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้า (1ยอห์น1.9) ให้ดวงตาจับจ้องอยู่ที่พระเยซูคริสต์ สวมตัวตนใหม่ คือ ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อเราจะเหมือนกับพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น

ทั้งสองข้อนี้ สรุปเป็นข้อความสั้น ๆ คือ จงใช้เวลาสนิทสนมกับพระเจ้า ทุกที่ที่คุณอยู่ ที่คุณไป ร้องเพลงสรรเสริญ อธิษฐานต่อพระเจ้า อ่านพระคำพระเจ้าออกเสียงดัง ล้อมตัวคุณด้วยพระพักตร์ของพระองค์ และด้วยใจที่หิวกระหายพระองค์ดั่งเจ้าสาวปรารถนาจะได้อยู่กับเจ้าบ่าวนั้น เมื่อนั้นแหละ พระสิริของพระเจ้าก็จะลงมาเหนือคุณ พร้อมการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ในครอบครัว และในสังคมที่คุณอยู่ อย่าลืม พระสิริของพระเจ้านั้นเหมือนโรคติดต่อ ถ่ายทอด และ เคลื่อนไหวได้เสมอ ไม่หยุดนิ่ง

อย่าลืมนะครับว่า พระสิริที่พระเยซูมอบให้คุณนั้น เป็นพระสิริอย่างเดียวกันกับที่พระบิดามอบให้พระองค์ ความยิ่งใหญ่แห่งเสาเมฆ เสาเพลิง การทรงแหวกทะเลแดง การให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตาย ฤทธิ์เดชและอำนาจแห่งพระสิริอย่างเดียวกันนั้นแหละ ที่ทำงานอยู่ในตัวคุณเวลานี้ สิ่งเดียวที่คุณทำได้เวลานี้ ก็คือ เขามาสรรเสริญพระเจ้า ในที่ที่คุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียน ที่คริสตจักร หรือ ตามห้างฯ ตามตลาด ด้วยก็ตาม

“ข้าแต่พระเจ้า มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ พระเจ้าข้า แต่ขอถวายพระสิริแด่พระนามของพระองค์ เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์” สดุดี 115.1
ใช่แล้วครับ คุณถวายพระสิริที่พระเจ้าได้มอบให้กับคุณมา กลับไปหาพระเจ้า พระเยซูคริสต์ทรงทำเช่นนั้น “พระบิดาเจ้าข้า ถึงเวลาแล้ว ขอทรงโปรดให้พระบุตรของพระองค์ได้รับเกียรติ เพื่อพระบุตรจะได้ถวายเกียรติแด่พระองค์” ยอห์น 17.1 เกียรติและพระสิรินั้นได้มา เพื่อถวายกลับไปแด่พระเจ้า “การถวายเกียรติแด่พระเจ้า” นั้น ก็คือ ชีวิตที่เชื่อฟังพระเจ้า เราไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้าเพื่อที่เราจะได้รับพระพร แต่เราเชื่อฟังพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงสมควรที่จะติดตาม และ เชื่อฟัง เพราะว่าทุกสิ่งเริ่มต้นที่พระองค์ และ จบลงที่พระองค์ คุณสรรเสริญพระองค์ก็เพราะว่า พระองค์ทรงรักคุณจนถีงที่สุด

ใช่ครับ ความรักมั่นคงของพระองค์ และ ความสัตย์ซื่อ สัตย์จริง ของพระองค์นั้น ไม่มีสิ้นสุด พระนามของพระเยซูคริสต์ในวิวรณ์ คือ “สัตย์ซื่อ และ สัตย์จริง” วิวรณ์ 3.14 มาจากภาษาฮีบรูว่า “พระเจ้าแห่งอาเมน” อิสยาห์ 65.16 เราจึงไม่มีสิ่งใดที่จะมาอวดอ้างได้ว่า เป็นเพราะเราเป็นคนดี พระเจ้าถึงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เรา ไม่ใช่ครับ แต่พระเจ้าทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เรา ก็เพราะว่า พระองค์ “รัก” เรา คำว่า “รัก” หมายความว่า “เลือก” พระเจ้าเลือกคุณมาเป็นลูก ไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นคนดีอะไร แต่เพราะว่าพระองค์เลือกที่จะรักคุณต่างหาก เห็นไหมครับว่า เริ่มต้นที่พระเจ้าก่อน และเพราะความรักของพระองค์นี่เองที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้รักเรา ก็ความรักจากมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปเพราะอารมณ์ ไม่แน่นอนไปตามสถานการณ์ และหดหายไปตามกาลเวลา แต่ความรักของพระเจ้าดำรง มั่นคง ยั่งยืน อยู่เป็นนิตย์ และ มีพร้อมไว้ให้กับคุณเสมอ

ทุกครั้งที่คุณหันมาหาพระองค์ มาคุกเข่าสารภาพความบาปผิด การดื้อดึง การออกนอกทางไปจากความรักของพระองค์ ออกนอกใจไปดั่งหญิงสาวที่มีคู่หมั้นแล้ว แต่ไปไล่ตามหารักอื่น แม้ว่าคุณจะไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักของพระองค์ พระเยซูคริสต์เจ้าบ่าวของคุณ ก็ดำรงความสัตย์ซื่อของพระองค์ สัตย์ซื่อต่อพระสัญญาทั้งสิ้นที่พระองค์มีให้ไว้กับคุณ

“โอ ความรักเช่นนี้ ล้ำลึกยิ่งกว่าพื้นทะเล สูงยิ่งกว่าฟากฟ้าสูงสุด เหลือเกินกว่าที่ลูกจะเข้าใจถึงได้ ที่พระเจ้าผู้ดำรงสง่าราศีสูงสุด จะมารักคนบาปหยาบช้าอย่างลูกได้ ขอบพระคุณสำหรับความรักอันมั่นคงของพระองค์ พระเยซูคริสต์เจ้า ขอบพระคุณสำหรับความตายที่ไม้กางเขนของพระองค์ นำชีวิตมาให้กับลูก พระองค์ทรงสละพระสิริของพระองค์ มาสวมสภาพทาส เพื่อช่วยกู้คนบาปมลทินอย่างลูกในความโสมมนี้ และสวมเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรม และมงกุฏแห่งสง่าราศีให้กับลูก นี่เป็นพระคุณของพระองค์ นี่พิสูจน์ว่า พระองค์ผู้เดียว พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสมควรได้รับคำสรรเสริญ พระเกียรติ พระสิริ สง่าราศี ความมั่งมี อาณาจักร และหัวใจทั้งหมดของเรา

ลูกขอก้มกราบลงแทบพระบาทพระองค์ และถอดมงกุฎแห่งความงามเหล่านี้ ไว้แทบพระบาทพระองค์ ลูกไม่สมควร แต่พระองค์ สมควรได้รับเกียรติยศทั้งสิ้น แด่พระนามของพระองค์ พระสิริเป็นของพระองค์ หัวใจของลูกจะร้อง ร้องบทเพลงว่า ลูกรักพระองค์มากขนาดไหน พระเยซูเจ้า ขอพระสิริของพระองค์เต็มโลก ดั่งน้ำที่เต็มทะเลนั้น ลูกจะรอคอยวันนั้นที่พระองค์จะมาสำแดงพระสิริของพระองค์ ปลดปล่อย และรับลูกไปอยู่กับพระองค์เป็นนิตย์ นี่นั่น ลูกจะได้ชมความงดงามแห่งพระสิริของพระองค์อย่างเต็มที่ และพระองค์เองนั้นแหละ เป็นพระสิริของลูก เสมอไป พระเยซูเจ้า อาเมน”

ด้วยรักในพระคริสต์
เอ็ม สุรชัย
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=2844213418444345700

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map