Custom Search By Google

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี


14 มกราคม 2007
โดย พิชัย เอาฬาร


ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่ให้กับคริสตจักรของเรา หรือให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์ เราคงต้องมานับพระพรกัน พระเจ้าอวยพรอะไรเราบ้าง บางคนก็บอกว่าไม่มีพระพรจะนับเลย เพราะมีแต่ความทุกข์โศก เหตุการณ์บ้านเมืองหลายๆ เรื่องก็ทำให้เราเป็นทุกข์ กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จิตใจของพวกเราที่เป็นคริสเตียน ก็คงจะเหี่ยวแห้งไปพอสมควร เพราะเราก็ยังเป็นเนื้อหนัง แต่เราก็วางใจในพระเจ้า ถ้าพระเจ้าให้เจอกับเหตุการณ์เหล่านั้น แล้วเราจะต้องไปอยู่กับพระเจ้า ก็ต้องขอบคุณพระเจ้า แต่พระเจ้าก็จะคุ้มครองเรา ให้เราเปิดดูในสดุดี 23:1-6


สดุดี 23:1-6

“พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์ พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์ ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่ แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคง จะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์”




“พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ”

ในภาษาอังกฤษเขาก็ใช้คำว่า “Lord is my shepherd” ในวันคริสตมาส พี่น้องที่เชียงรายทำธงติดอยู่ข้างฝา เขียนว่า “Lord is my shepherd” ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำนี้ ที่พระเจ้าทรงเตือนเราอยู่ตลอดเวลา ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง ในภาษาฮีบรูเขาใช้คำว่าเยโฮวาห์โรฮี ก่อนที่เราจะพูดถึงผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักพระนามของพระเจ้าทุกพระนามหรือยัง! ถ้าเรารู้จักพระเจ้าทุกพระนาม เราก็จะรู้ว่าพระเจ้าอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง

พระนามของพระเจ้าทั้ง 16 พระนาม มีดังนี้.-

ภาษาฮีบรู ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ข้อพระคัมภีร์
1. Jehovah Elohim เยโฮวาห์เอโลฮิม
The eternal creator พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างและนิรันดร์กาล
ปฐมกาล 2:4-25

2. Adonai Jehovah อาโดนาย เยโฮวาห์
The Lord ourSovereign,Master Jehovah พระเจ้าผู้ครอบครองเป็นพระเจ้าสูงสุด
ปฐมกาล 15:2, 8

3. Jehovah Jireh เยโฮวาห์ยิเรย์
The Lord will see or provide
พระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเรา
ปฐก.22:8-14,ฟิลิปปี 4:19

4. Jehovah Nissi เยโฮวาห์ นีสสี
The Lord our banner พระเจ้าผู้ทรงเป็นธงของเรา
อพยพ 17:15

5. Jehovah Ropheka เยโฮวาห์ โรฟีก้า
The Lord our healer พระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐของเรา
อพย. 15:26, สดุดี 103:2-5, มธ. 8:17, อสย. 53:45, 1ปต. 2:24, มก.16:18

6. Jehovah Shalom เยโฮวาห์ ชาโลม
The Lord our peace พระเจ้าคือสันติสุขของเรา
ผู้วินิจฉัย 6:24, ยอห์น 14:27

7. Jehovah Tsidkeenu เยโฮวาห์ ชิเคนู
The Lord our Righteousness พระเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา
ยรม.23:6, 33:14-16, 2คร.5:21, รม.6:18

8. Jehovah Mekaddishkem เยโฮวาห์ เม็คกะดิชเคม
The Lord our Sanctifier พระเจ้าผู้ทรงชำระให้บริสุทธิ์ ผู้ทรงเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแทนเรา
อพย.31:13, ลวน 20:8, 21:8, 22:9, 16, 32

9. Jehovah Saboath เยโฮวาห์ ซาโบท
The Lord of hosts พระเจ้าจอมโยธาเป็นพระเจ้าของเรา
1 ซามูเอล 1:3

10. Jehovah Shammah เยโฮวาห์ ชามาห์
The Lord is present พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราในปัจจุบัน
อสค.48:35, มธ.1:23, สดุดี 46:1

11. Jehovah Elyon เยโฮวาห์ เอลย่อน
The Lord most high พระเจ้าผู้สูงสุด
สดุดี 7:17, 42:2,97:7

12. Jehovah Rohi เยโฮวาห์ โรฮี
The Lord my shepherd พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของเรา
สดด.23:1, 1ปต.5:4,2:25, ยน.10:11-18

13. Jehovah Hoseenu เยโฮวาห์ โฮซีนุ
The Lord our Maker พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา
สดด.95:6

14. Jehovah Eloheenu เยโฮวาห์ เอโลฮีนุ
The Lord our God พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของเรา
สดุดี 99:5, 8, 9

15. Jehovah Eloheka เยโฮวาห์เอโลเฮกา
The Lord thy God พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของทุกคน
อพยพ 20:2, 5, 7

16. Jehovah Elohay เยโฮวาห์ เอโลเฮ
The Lord my God พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของฉัน
เศคาริยาห์ 14:5

ทั้งหมดมี 16 พระนาม แต่วันนี้เราจะพูดถึงเยโฮวาห์โรฮี คือผู้เลี้ยงแกะ

คำว่า “ผู้เลี้ยงแกะ” หมายความว่าอย่างไร อยากให้พี่น้องเปิดไปที่ยอห์น 10:1-5 และ ยอห์น 10:7-18


ยอห์น 10:1-5

"เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่มิได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร แต่ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ นายประตูจึงเปิดประตูให้ผู้นั้น แกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปหมดแล้ว ก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามท่านไป เพราะรู้จักเสียงของท่าน ส่วนผู้อื่นแกะจะไม่ตามเลย แต่จะหนีไปจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของผู้อื่น"


ยอห์น 10:7-18

“พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเราผู้นั้นก็จะรอด เขาจะเข้าออกแล้วก็จะพบอาหาร ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามาเขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป เขาหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้างและไม่เป็นห่วงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเราและแกะของเราก็รู้จักเรา ดังที่พระบิดาทรงรู้จักเราและเรารู้จักพระบิดา และชีวิตของเราเราสละเพื่อแกะ แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก คำกำชับนี้ เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา"




“เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เราไม่ใช่ลูกจ้าง เราเป็นเจ้าของ”

ในสดุดี 23:1-6 ที่ได้อ่านไปตอนต้น “พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงที่รัก” ในนี้พระเยซูได้บอกว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เราไม่ใช่ลูกจ้าง เราเป็นเจ้าของ” ถ้าพูดถึงคำว่า “เป็นเจ้าของ” พี่น้องจะเห็นความแตกต่างระหว่างเจ้าของบริษัท กับลูกจ้างของบริษัท ถ้าเป็นลูกจ้างของบริษัท เมื่อมีงานเยอะ งานเลิก 5 โมงเย็น ท่านก็บอกว่าจะต้องกลับแล้ว เพราะงานเลิกแล้ว แต่เจ้าของบริษัท ถ้าต้องส่งสินค้าให้ลูกค้าพรุ่งนี้ ต้องเช็คสต๊อก ท่านก็ต้องทำดึกๆ ดื่นๆ บางครั้งต้องทำถึงเช้า เพราะท่านจะปล่อยงานนั้นผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ นั่นคือเจ้าของกับลูกจ้าง ลูกจ้างก็คือว่า “ฉันได้รับค่าจ้าง” บริษัทกำหนดว่าเข้างาน 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น วันเสาร์-อาทิตย์หยุด “ถ้าจ้างฉันทำต่อ ต้องมี Over time” แต่เจ้าของนั้น ทั่วไปเงินเดือนก็ไม่มี Over time ก็ไม่มี ต้องทำทุกอย่าง ขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบ แน่นอนมีกำไรก็ต้องรับกำไร จะมีหรือเปล่า! นั่นอีกเรื่องหนึ่ง


พระเยซูเปรียบเทียบว่าเป็นเจ้าของ และเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ลูกจ้างนั้นมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อฝูงหมาป่ามา เขาก็ละทิ้งและหนีไป เอาตัวรอด ปล่อยแกะให้ถูกหมาป่ากิน พระเยซูไม่ได้เป็นเช่นนั้น


แกะย่อมฟังเสียงของท่าน

ย้อนกลับไปตรงที่บอกว่า “แกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปหมดแล้ว ก็เดินนำหน้า” พระเยซูเรียกแกะทุกตัวถูกต้อง พระเยซูเรียกชื่อท่านทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ถูกต้อง เวลาที่ท่านอธิษฐานถึงพระนามพระเยซู พระเจ้าผู้ทรงสิทธิอำนาจในสวรรค์ พระองค์ทรงรู้ว่าเสียงนี้ เป็นเสียงใคร พระองค์ทรงเรียกชื่อของท่านทุกคน พระองค์ทรงจำได้ เราเองจำชื่อพี่น้องเราไม่ได้หมดทุกคนหรอกในห้องนี้ ผมเองก็จำชื่อพี่น้องไม่ได้หมด จำหน้าได้เท่านั้น แต่พระเยซูจำชื่อท่านได้ทุกคน “เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปหมดแล้ว ก็ทรงนำหน้า” ผู้เลี้ยงที่ดีจะเดินนำหน้า เพราะแกะสายตาสั้น หูก็ไม่ค่อยได้ยิน แต่จะได้ยินเสียงของผู้เลี้ยง และจำได้ ก็จะเดินตามไป

พวกเราเป็นแกะที่ดีหรือเปล่า แกะที่ดีก็คือเดินตามพระเยซู แกะที่ดีก็คือต้องจำเสียงของพระเยซูได้ ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาก็ฟังและเชื่อเขาไปหมด


พระเยซูคริสต์ทรงรู้จักเราแน่

อีกตอนหนึ่ง ในข้อ 14 บอกว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา” พระเยซูคริสต์ทรงรู้จักเราแน่ วันที่เข้ามาหาพระเจ้า เรายกมือขึ้น ขอติดตามพระองค์ วันนั้นชื่อของเราได้จดไว้บนสวรรค์และพระเยซูจำแม่น วันที่เราบอกว่า “ลูกขอติดตามพระองค์ตลอดไป” แต่หลายครั้งลูกแกะก็กินหญ้าเพลิน เพราะว่าของโลกนี้มันอร่อย มันน่าชื่นชมยินดี ลืมไปว่าผู้เลี้ยงอยู่ตรงไหน บางครั้งเราก็หลงระเริงไปกับโลกนี้


ข้อที่ 15 “ดั่งที่พระบิดาทรงรู้จักเรา และเรารู้จักพระบิดา และชีวิตของเรา เราสละเพื่อลูกแกะ” นี่คือผู้เลี้ยงที่ดี พระองค์ทรงยอมสละชีวิตของพระองค์เอง เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ยอมสละชีวิตของพระองค์เองบนไม้กางเขน มารซาตานก็จะเข้ามากัดกิน ผู้ที่เชื่อในพระองค์วันแล้ววันเล่า ชีวิตแล้วชีวิตเล่า พระองค์จึงต้องยอมตายบนไม้กางเขน ยอมสละชีวิต เพื่อพวกเราจะได้มีชัยชนะ


ในข้อ 16 อันนี้น่าซึ้งใจ ซึ่งก็คือเราๆ ที่นั่งอยู่ที่นี่

“แกะอื่นซึ่งไม่ใช่ของคอกนี้ เราก็มีอยู่ และแกะเหล่านั้น เราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้น ต้องฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว”


“แกะคอกนี้” คือยิว แกะอื่นที่มิใช่ของคอกนี้ คือเจนไทล (gentile) คือคนไทย คนจีน คนเอเซีย อเมริกา ยุโรป แอฟริกา ทุกๆ ที่ที่ไม่ใช่ยิว พระเยซูจะพามาด้วย และรวมเป็นฝูงเดียว ก็คือเราก็เป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า เป็นบุตรของพระเจ้าเหมือนที่ชาวยิวเป็น มีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียวคือพระเยซูคริสต์


ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้

ในข้อ 17 “ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก” พระเยซูคริสต์ทรงสละชีวิตของพระองค์เอง เพื่อเรา ด้วยความสมัครใจ ไม่ได้คิดอะไร เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของพวกเรา ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ว่าแกะอย่างพวกเราๆ จะนอนหลับในตอนกลางคืน ฝันดี ฝันร้ายก็ตาม พระองค์อยู่ด้วย บางครั้งในความฝันเราอาจจะเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัว พระองค์ก็ทรงอยู่ด้วย หลายครั้งตัวผมเองฝันไป ขับผีไป อธิษฐานพูดภาษาแปลกๆ จนกระทั่งตัวเองสะดุ้งตื่น ให้เรารู้ว่าเราอาจจะถูกทำร้ายในตอนกลางคืนก็ได้ เราอาจจะถูกมารซาตานโจมตีตอนเราหลับก็ได้ แต่พระเจ้า ทรงเป็นผู้เลี้ยง คอยปกป้องคุ้มครอง คอยดูแลเอาใจใส่เสมอ เราจึงหลับสบาย


ในสดุดี 23:1 “พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน”

แต่ในภาษาอังกฤษบอกว่า “I shall not want” ฉันไม่ต้องการอะไรเลย ในชีวิตของท่าน ท่านเคยมีความรู้สึกอย่างนี้ไหม บางครั้งมี แต่ส่วนที่บอกว่าต้องการอะไรหลายๆ อย่างนั้นมีเยอะกว่า เพราะเนื้อหนังเราต้องการ เวลาเราอิ่มข้าวแล้ว เราต้องการกินข้าวอีกไหม เวลาเรามีภรรยาคนหนึ่งแล้ว เราบอกว่า “ฉันต้องการอีก” มีไหม เวลาที่เรามีลูกหลายคน เราต้องการอีกไหม เวลาที่เรามีเงิน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวพระดำรัสของพระองค์เสมอว่า ให้มีชีวิตอย่างพอเพียง คำว่า “พอเพียง” คือเราไม่ต้องการอะไรอีก “I shall not want” คือมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แน่นอนถ้าถามทุกคนที่อยู่ที่นี่ว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างหรือยัง ยังไม่มีหรอก ผมเองผมก็ยังไม่มีทุกอย่าง เราก็ยังต้องการบางอย่าง แต่ขอพระเจ้าช่วย ที่เราจะต้องการบางอย่างให้มันน้อยลงไปทุกวันๆ จนไม่ต้องการอะไรอีก นั่นคือชีวิตที่ถึงความไพบูลย์ของพระเยซูคริสต์


ย้อนกลับไปในสดุดี 23:2-6

“พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์ พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์ ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่ แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์”




ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่พระองค์ทรงเลี้ยงดูในทุกกรณี

เขาบอกว่าแกะมีพระพรอยู่เยอะเลย มีพระพรตรงที่ว่าพระเจ้าพาไปที่ทุ่งหญ้าเขียวสด ที่เราอ่านในยอห์นบอกว่าพระเยซูเปิดประตูแล้ว ก็เดินนำหน้า พาเราไปที่ทุ่งหญ้าเขียวสด มีอาหารกินอย่างดี อยู่ที่ริมน้ำแดนสงบ แล้วคิดกลับมา “แล้วแกะอย่างฉัน หญ้าก็ไม่ค่อยจะมี มีแต่ดินแห้งๆ ฟางแห้งๆ น้ำในลำธารก็แห้งขอด กว่าจะได้ดื่มน้ำกันที ก็ต้องอธิษฐานแล้วอธิษฐานอีก” ใช่หรือเปล่า! ปีที่ผ่านมาผมเองยอมรับว่าเป็นแกะที่แห้งแล้ง แต่ผมก็รู้ว่าเรามีผู้เลี้ยงที่ดี ถ้าจะพูดไป ตั้งแต่ปี 48 และปี 49 รายได้แทบไม่มีเลย แต่ 2 ปี ก็มีผู้เลี้ยงที่ดี แล้วก็เลี้ยงดูมาตลอด การเลี้ยงของพระเจ้า มีหลายวิธี ผ่านทางผู้รับใช้ ผ่านทางหลายๆ คน เราจะพูดกันอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง แต่บางครั้ง เมื่อฝนไม่ตก ดินมันแตกระแหง หญ้าก็เหี่ยวแห้ง น้ำก็แห้งขอดในลำธาร ถึงวันนั้นท่านยังจะเป็นลูกแกะที่ดีหรือเปล่า ท่านยังจะเดินตามพระเยซูคริสต์ไปหรือเปล่า ท่านยังจะเรียกว่าพระเยโฮวาห์โรฮีหรือเปล่า พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของข้าพระองค์หรือเปล่า ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่พระองค์ทรงเลี้ยงดูในทุกกรณี


ใน 2 ปีที่ผ่านมา พระเจ้าอวยพร คำว่าอวยพรของผม อาจจะไม่เหมือนของคนอื่น อวยพรก็คือเผชิญได้ทุกสถานการณ์ นั่นคือพระพร เพราะว่าตัวของเราเอง สติปัญญาของเราเอง สู้ไม่ได้หรอก แต่เราสู้ได้เพราะมีพระเยซูคริสต์เป็นผู้หนุนกำลัง


ท่านผ่านหุบเขาเงามัจจุราชมากี่หุบเขา 365 วัน ท่านนับได้ไหม

ถ้าเราไม่ลำบาก ถ้าเราไม่ทนทุกข์ก็ไม่เห็นพระเจ้า ตอนที่ทนทุกข์ทรมาน อธิษฐานกับพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน แต่เวลาที่สุขสบายอธิษฐานเยอะเลยครับ วันละ 3 มื้อก่อนอาหาร จึงขอบอกพี่น้องว่าไม่ว่าท่านจะมีหรือจน พระเจ้าทรงอยู่ด้วย พระเจ้าจะเลี้ยงดูให้จิตวิญญาณของท่านได้แข็งแรง และได้เจริญเติบโตขึ้น ต่อสู้ในทุกสถานการณ์ได้ พระองค์ทรงฟื้นฟูจิตวิญญาณของท่านใหม่ พาไปที่ริมน้ำแดนสงบ บางครั้งท่านอาจจะเหนื่อยอ่อนกับปัญหาครอบครัว บางครั้งท่านเหนื่อยอ่อนกับการงาน กับการเงิน มีหลายครั้งที่พระเจ้าพาไปชื่นชมยินดี ให้มีอาหารดีๆ รับประทาน ให้มีเพื่อนดีๆ เข้ามาช่วยเหลือ ให้มีเพื่อนดีๆ เข้ามาคุย จิตวิญญาณท่านก็ได้รับการฟื้นฟู พาเราผ่าน แล้วก็ไม่ให้เราตกลงไปในทางนั้นอีก บางครั้งคำว่า “ผ่านหุบเขาเงามัจจุราช” เป็นเรื่องน่ากลัว ท่านผ่านหุบเขาเงามัจจุราชมากี่หุบเขา 365 วัน ท่านนับได้ไหม แต่ท่านก็ผ่านมาได้ทุกหุบเขาใช่ไหม พระเจ้าให้เราได้เรียนรู้ เพื่อไม่ให้เราตกเข้าไปในการทดลอง นั่นก็เป็นพระคุณ


การเลี้ยงดูของพระเจ้า ไม่ใช่ว่าจะป้อนข้าว ป้อนนมตลอดเวลา จนแกะอ้วนพี จนง่อยเปลี้ยเสียขา เป็นอัมพฤตอัมพาตทางจิตวิญญาณ

ถ้าเรารับพระพรมากๆ จนลืมอธิษฐาน บางครั้งพระเจ้าก็อนุญาตให้เจอปัญหามากมาย ท่านก็เลยต้องอธิษฐานทุกวัน ในวิวรณ์ 7:17



วิวรณ์ 7:17

“เพราะว่าพระเมษโปดก ผู้ทรงอยู่กลางพระที่นั่งนั้นจะคุ้มครองดูแลเขา และจะทรงนำเขาไปให้ถึงน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาเหล่านั้น"


อันนี้พูดถึงตอนที่พระเมษโปดกมานั่งบัลลังก์พิพากษา แต่ในความเป็นจริง สังเกตในชีวิตของท่าน เวลาที่ท่านเจอปัญหา ก็มีบางครั้ง อธิษฐานสารภาพความบาปผิดด้วยน้ำตานองหน้า พระเจ้าก็เข้ามาหาท่าน แล้วก็เช็ดน้ำตาของท่าน ท่านอาจจะถูกหักอก ท่านอาจจะถูกหักหลัง ถูกคนอื่นเกลียดชัง เมื่อท่านมาหาพระเจ้า พระเจ้าก็เช็ดน้ำตาให้



อิสยาห์ 25:8

“พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์ และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากหน้าทั้งปวง และพระองค์จะทรงเอาการลบหลู่ชนชาติของพระองค์ไป เสียจากทั่วแผ่นดินโลก เพราะพระเจ้าได้ตรัสแล้ว”




ท่านอาจจะถูกลบหลู่หลายครั้งหลายหน แต่พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาให้

และจะนำการดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนั้นออกไป เพราะพระเยซูคริสต์บอกว่า ร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขนนั้นได้รับเอาความบาป รับเอาการดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ไปไว้ที่พระองค์หมดแล้ว และในวันที่ 3 พระองค์ทรงมีชัยชนะ และได้มอบชัยชนะนั้นให้กับเราแล้ว




“ออกไปในกลางทะเล ไม่เห็นฝั่งหรือสิ่งใด”

พระองค์ทรงเฝ้าดูแลปกป้องคุ้มครองตลอดเวลา พระองค์ทรงเตรียมสำรับไว้ต่อหน้าต่อตาของศัตรู คำว่า “ทรงเตรียมสำรับไว้ต่อหน้าต่อตาของศัตรู” หมายความว่าเรายังคงรับประทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางศัตรู ท่านรู้ไหมว่าท่านมีศัตรูอยู่รอบท่านขนาดไหน ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็มีศัตรูเสมอ เพราะในพระคัมภีร์บอกว่ามารเหมือนสิงโตคำราม วนเวียนอยู่รอบท่าน คอยจะกัดกินเหยื่อ ผมเคยนอนหลับแล้วอธิษฐาน ตื่นมาก็กังวล อธิษฐานก็นึกถึงเพลงที่บอกว่า “ออกไปในกลางทะเล ไม่เห็นฝั่งหรือสิ่งใด” ถ้าอยู่กลางทะเล ไม่เห็นฝั่งหรือสิ่งใด คือลับสายตาของมนุษย์ ผมไม่ทราบว่ากี่กิโลเมตร คือมองอะไรไม่เห็นเลย แล้วท่านนั่งอยู่ในเรือบดลำเล็กๆ ลำหนึ่ง มีพายอันหนึ่ง ถ้าท่านจะพายสุดกำลังของท่าน ให้มันถึงฝั่ง ถามจริงๆ ว่ามันถึงไหม พระเจ้าให้สติปัญญาว่า “เจ้าจ้ำเท่าไหร่มันก็ไม่ถึง” เพราะมันไกลสุดลูกหูลูกตา มันอยู่กลางทะเล ถ้าในความคิดเนื้อหนัง ก็จะบอกว่ามีทางเดียว “ต้องตายแน่” เรามีกำลังอยู่แค่นี้ กลางทะเลน้ำก็ไม่มีกิน อาหารก็ไม่มี คลื่นทะเลจะพัดมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เรือจะพลิกคว่ำเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉลามก็มองดูอยู่ข้างๆ บางครั้งเราคิดว่าปลาวาฬอาจจะมาคอย เพื่อพาเรามาส่งที่ฝั่งแบบโยนาห์ เราคงคิดไปหลายๆ อย่าง แต่พระเจ้าบอกกับผมในกลางดึกนั้นว่า “นอนเถอะ นอนอยู่ในเรือลำเล็กๆ นั้นแหละ เพราะเจ้าจ้ำเท่าไหร่มันก็ไม่ถึง” ผมก็นอนเลย แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง พระเจ้าบอกให้นอนก็นอน คิดไปก็เปล่าประโยชน์ จ้ำเท่าไหร่มันก็ไม่ถึง


หน้าที่ของแกะก็คือเชื่อฟัง เดินตามพระองค์ไป

พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยง คอยปกป้องคุ้มครองเราอยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของแกะก็คือเชื่อฟัง เดินตามพระองค์ไป พระองค์บอกให้นอนก็นอนเถอะ พระองค์บอกให้เดินก็เดินไป แบบที่พระเจ้าทรงนำชาวอิสราเอลผ่านถิ่นทุรกันดาร ด้วยเสาเมฆและเสาไฟ หยุดก็หยุด ถ้าท่านไม่มีรายได้ ไม่มีเงินถวาย ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องถวาย ผมบอกชัดๆ เลย คงไม่มีผู้รับใช้พระเจ้าที่ไหนหรอกที่บอกอย่างนี้ แล้วไม่มีใครเขาเป็นพยานบอกว่า พระเจ้าจะเลี้ยงดูท่านที่หญ้าแห้ง ทุกสิ่งมันเป็นพระพร ถ้าท่านไม่ผ่านหญ้าแห้ง ท่านก็จะไม่เห็นคุณค่าของหญ้าเขียวสด ถ้าท่านไม่ผ่านน้ำที่มันแห้งขอด ท่านก็ไม่รู้หรอกว่าน้ำที่สะอาดไหลมาเต็มแม่น้ำนั้น มันอร่อยขนาดไหน ท่านจะไม่รู้พระคุณของพระเจ้าหรอก ถ้าท่านไม่ผ่านความยากลำบาก ในระหว่างที่พระเจ้าเลี้ยงดูเรา พระองค์ก็ชโลมด้วยน้ำมันที่หอม ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Perfume oil” น้ำมันที่หอม ไม่ใช่น้ำมันธรรมดา แต่งตัวให้เราเสร็จเลย ก็คือให้เป็นที่ยกย่อง นับหน้าถือตาของคนทั่วไป ให้เรามีเกียรติในสังคม


“ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่”

อาหารและน้ำก็บริบูรณ์ “และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศน์ของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์” นั่นคือหลังจากที่เราจากโลกนี้แล้ว เราจะอยู่กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ แต่ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในโลกนี้ ในสดุดี บทที่ 27 กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “ขอให้ได้อยู่ในพระนิเวศน์ของพระองค์ เพื่อจะได้ดูสง่าราศีของพระองค์” ให้จิตวิญญาณเราเป็นอย่างนั้น


ท่านสามารถผ่านมาเพราะว่าเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง

พี่น้องครับที่ผ่านมา ท่านร้องไห้กี่วัน ท่านผ่านความกังวลเรื่องจะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรนุ่งห่มกี่ร้อยครั้ง บางคนอาจจะเจออุบัติเหตุ บาดเจ็บ แต่ท่านก็ผ่านมาได้ ท่านที่เป็นเจ้าของกิจการ อย่างน้อยหรืออย่างมากก็มี 12 ครั้ง ที่ท่านกังวลว่าจะเอาเงินที่ไหนจ่ายลูกน้อง แต่ท่านก็ผ่านมาได้ ท่านอาจจะกังวลว่าจะเอาเงินที่ไหนผ่อนรถ จะเอาเงินที่ไหนผ่อนบ้าน จะเอาค่าเช่าบ้านที่ไหนให้เขา จะเอาค่าน้ำค่าไฟที่ไหนจ่าย ลูกไปโรงเรียนจะเอาที่ไหนซื้อเสื้อผ้า จะเอาค่าเทอมที่ไหนจ่ายให้กับลูก ฯลฯ แต่ปีที่แล้วทั้ง 365 วัน ท่านสามารถผ่านมาเพราะว่า The Lord is my shepherd พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยง


เพื่อว่าท่านจะมีกำลังที่จะต่อสู้ต่อไป

ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ท่านผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่าง เพื่อว่าท่านจะมีกำลังที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะว่าพวกเราทั้งหลาย มีผู้เลี้ยงที่ดีคือพระเยซูคริสต์ ที่พระเจ้าได้เลี้ยงพวกเราทุกคนผ่านมาได้อย่างไร พระเจ้าจะเลี้ยงท่านและอวยพรท่าน ให้กำลังท่านอย่างนั้น ท่านจะสู้ได้ เพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้หนุนกำลังเราทั้งหลาย อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map