Custom Search By Google

Custom Search

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

2. การเลี้ยงดูตามอย่างพระเยซูคริสต์

สิ่งที่อยากให้ลองคิดดู ก็คือ ภาพสัญลักษณ์ที่สื่อความเป็นตัวตนที่เราอยากจะเป็น คืออะไร?

สิ่งนี้อยากให้คิด เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเรามีสิ่งที่ดีอยู่ในตัว

นักจิตวิทยาบอกว่า เมื่อคนหนึ่งอยากจะเป็นอะไร แท้จริงแล้ว คนนั้นจะมีสิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันของตนอยู่ในตัวอยู่แล้ว และสิ่งนั้นเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่อยู่ในชีวิตของเขา

ถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีคุณค่า เราจะไม่สามารถนำคุณสมบัติที่เรามีอยู่ออกมาใช้ได้ ไม่สามารถนำขุมทรัพย์ในตัวออกมาใช้ได้

ทุกคนมีดีอยู่ในตัว มีมากกว่าที่เราจะสามารถคิดได้เสียอีก และทุกคนมีสิ่งที่จะสามารถแบ่งปันให้แก่คนอื่น ๆ ได้ และรับสิ่งดี ๆ จากคนอื่นได้ เพราะคนอื่น ๆ ก็มีขุมทรัพย์อยู่ในตัวเช่นกัน นี่แหละ เป็นภาพของพระกายของพระคริสต์ ที่มีการแลกเปลี่ยนกัน พี่สามารถให้น้องได้ และในทางกลับกันน้องก็สามารถให้แก่พี่ด้วยเช่นกัน

พระเจ้าสามารถสำแดงแก่เราอย่างอัศจรรย์แบบทันทีทันใด แบบเกิดผลทันตาเห็น แต่ในอีกทางหนึ่ง เรื่องของวินัย พระเจ้าต้องการให้เราพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้า ตลอดวันคืนชีวิตของเรา ความสนิทสนมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่เราสามารถปลูก ค่อย ๆ พัฒนาในชีวิตของเรา ค่อย ๆ พัฒนาทีละวัน จนเรามีความสนิทกับพระเยซูคริสต์มากขึ้นทุกวัน ๆ

ธรรมชาติเราต้องโตขึ้นทุกวัน วันนี้เป็นน้อง แต่วันหน้าก็ต้องเป็นพี่

เปโตรเป็นคนใจร้อน มักจะตอบคำถามที่พระเยซูถามก่อนคนอื่นเสมอ เป็นชาวประมง ชื่อเดิมของเขาคือ ซีโมน

วันหนึ่ง พระเยซูคริสต์ทรงบอกว่า

"ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้" (มัทธิว 16:18)

พระเยซูคริสต์ทรงเห็นขุมทรัพย์ในตัวของเปโตร (และรวมถึงสาวกคนอื่น ๆ ด้วย) พระองค์จึงทรงลงทุนในชีวิตของท่าน

พี่ ๆ ผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณทุกคน จะต้องรู้ว่าเราแต่ละคนมีขุมทรัพย์ในตัวเขา จะต้องเห็นขุมทรัพย์ในตัวเขา เห็นศักยภาพในตัวเขา และมีความหวังในตัวเขา จึงจะรู้สึกว่าอยากลงทุนในชีวิตของเขาเหล่านั้น

มีชายคนหนึ่ง อายุ 18 ปี ได้มาอยู่ที่บ้านของข้าพเจ้า (ซึ่งเป็นสถานที่ในการรักษาการติดอบายมุขทุกประเภท รวมถึงเกม และยาเสพติดต่าง ๆ) ชายคนนี้ติดเกมอย่างมาก ติดมากจนเรียนหนังสือไม่จบ เขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อ พ่อของเขาเคยเป็นผู้รับใช้พระเจ้า แต่กลับติดยา และติดเอดส์จนเสียชีวิตในที่สุด

ในช่วงแรกที่เขาได้มาอยู่บ้านของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องใช้เวลา 2 ปีในการดูแลเขา เขาจึงเริ่มดีขึ้น ช่วงเวลาสองปีนี้ ข้าพเจ้าต้องดูแลเขาอย่างดี เลี้ยงดูเขาเหมือนลูก แต่พอเมื่อเขาดีขึ้น แม่ของเขาอยากจะเอาเขากลับไปเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง

แต่ในที่สุด แม่ของเขาก็มีปัญหากับสามีใหม่ แม่ของเขาจึงไม่เลี้ยงดูลูก และเด็กคนนี้ก็กลับมามีปัญหาอีกครั้งหนึ่ง กลับกลายเป็นคนที่ตกมือถือของคนอื่น ถูกจับหลายครั้ง จนในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านของข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งชีวิตของเขาต่างจากเดิมมากทีเดียว เขาเป็นคนที่อยากจะเอาอะไรก็หยิบมาใช้เลย เพราะเป็นสิ่งที่เขาเคยชิน

แต่ข้าพเจ้าสัมผัสว่า พระเจ้าสัตย์ซื่อที่จะดูแลลูกของผู้รับใช้ของพระองค์ แม้ข้าพเจ้าจะไม่รู้จักพ่อของเขา แต่ข้าพเจ้าก็ทำดีกับเขา

ที่บ้านของข้าพเจ้า ทุกวันศุกร์จะเป็นวันครอบครัว จะเป็นเวลาที่สมาชิกในบ้านจะได้อธิษฐานกับพระเจ้าร่วมกัน ปรากฎว่าเด็กคนนี้ก็อธิษฐาน ขณะนมัสการ เขาร้องไห้เสียงดัง

เขาได้เล่าให้ฟังว่า เขาเคยอธิษฐานกับพระเจ้าว่า ชีวิตเขาไม่เหลืออะไรแล้ว พระเจ้าจะทำอย่างไรกับเขาก็ได้ แต่ตอนนี้ พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "พระองค์จะทรงใช้เขาให้เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ" เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขาร้องไห้ออกมาเสียงดัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้ชาย แต่เขาได้สัมผัสกับพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในชีวิตของเขา

หลังจากนั้น ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงมากทีเดียว เขาเลิกการที่ถือวิสาสะนำของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ขอ แต่เขาจะขอก่อนที่จะนำมาใช้ทุกครั้ง เมื่อฝนตกเขาก็มีน้ำใจที่จะเก็บผ้าให้ผู้อื่นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ

นี่แหละ เป็นสมบัติที่อยู่ในตัวเขา เป็นขุมทรัพย์ในตัวเขา เพียงแต่ถ้าเราเห็นสิ่งนี้ในตัวเขา เราจะมีกำลังใจที่จะดูแลเขา มีความหวังในตัวเขา มองว่าเมื่อพระเจ้ารักษาเขา เขาจะเป็นอย่างไร ชีวิตของเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ถ้าเราไม่เห็นขุมทรัพย์ในตัวน้อง ๆ ในตัวเพื่อน ๆ เราก็จะไม่มีแรงในการลงทุน แต่ตรงกันข้าม ถ้าเราเห็น ถ้าเราทราบความจริงว่าแต่ละคนมีขุมทรัพย์ เราก็จะมีแรงในการลงทุนฝ่ายวิญญาณในชิวิตของเขา และในขณะเดียวกัน เราก็จำเป็นต้องรู้เช่นกันว่า ชีวิตของเราก็มีขุมทรัพย์เช่นกัน เรามีสิ่งที่เราจะให้แก่คนอื่นได้ และเราสามารถพัฒนาสิ่งเหล่านี้ได้

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของการเลี้ยงดู

"12 พระบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน
13 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน" (ยอห์น 15:12-13)

พระเยซูทรงให้เรารักกันและกันดังที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง และแบบอย่างที่สำคัญสุด คือ ทรงสละพระชนม์ของพระองค์ให้แก่เรา

พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการเป็นพี่เลี้ยง พระองค์ทรงเลี้ยงดูบรรดาสาวก ทรงอยู่ใกล้ชิดกับเขาเหล่านั้นตลอดเวลา

จากแบบอย่างของการเป็นพี่เลี้ยง ตามอย่างของพระเยซู จะพบได้ว่า พี่เลี้ยงจำเป็นจะต้องให้สิ่งเหล่านี้กับน้องเลี้ยง

1. ให้เวลา พระองค์ทรงให้เวลา แม้ในข่วงเวลาที่ยุ่งที่สุด พระองค์ก็ยังทรงให้เวลากับสาวกเสมอ ตัวอย่างเหตุการณ์เช่น ขณะที่ยอห์นผู้ให้บัพติสมาเสียชีวิต พระเยซูคริสต์ทรงเศร้า และทรงต้องการปลีกตัวไปตามลำพัง แต่ฝูงชนก็ยังติดตามพระองค์ไป ท่าทีที่พระองค์มีก็คือ พระองค์ก็ยังทรงเลือกที่จะให้เวลากับฝูงชน ยิ่งเราโต เวลายิ่งแพง เป็นสิ่งที่ให้ยาก

2. ให้แรง ดังที่พระองค์ทรงล้างเท้าให้เหล่าสาวก และพระองค์ก็ได้ทรงสั่งให้เราปรนนิบัติพี่น้อง

"เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก" (มาระโก 10:45)

3. ให้เงิน มีคนหนึ่งในสาวกเป็นเหรัญญิก ในท่ามกลางทีมของพระองค์มีเงินเป็นเงินกองกลาง มีครั้งหนึ่ง มีคนให้พระองค์และเหล่าสาวกจ่ายค่าบำรุงพระวิหาร พระองค์ก็ทรงให้เปโตรไปนำมาจากปากของปลา เพื่อที่จะชำระค่าบำรุงเหล่านั้น มีผู้ที่กล่าวว่าเงินเป็นสิ่งที่ให้ง่ายที่สุด

4. ให้คำสอน พระองค์ทรงสอนด้วยสิทธิอำนาจ ทรงสอนเตือนแก่เหล่าสาวก

5. ให้อารมณ์ร่วม พระองค์ทรงทรงร้องไห้ที่สวนเกเศมณี เมื่อลาซารัสตาย เมื่อพระองค์ทรงกล่าวถึงอนาคตของเยรูซาเล็ม เช่นเดียวกัน บรรดาพี่เลี้ยงจะต้องมีอารมณ์ร่วมกับน้อง ๆ ความรู้สึกร่วมเป็นสิ่งที่สำคัญ เราไม่สามารถบังคับตัวเองได้ แต่จะเป็นสิ่งที่จะออกมาจากใจของเรา เป็นสิ่งที่ออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อเราร่วมทนทุกข์กับเขา

"จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้" (โรม 12:15)

6. ให้คำอธิษฐาน ในช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานใน ยอห์น บทที่ 17 เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะเป็นเวลาที่พระองค์ใกล้จะต้องทนทุกข์ และโดนตรึงที่กางเขนแล้ว แต่ก็ทรงใช้เวลาในการอธิษฐานเพื่อสาวกของพระองค์ เพื่อเราทั้งหลาย

7. ให้ชีวิต พระองค์ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา

ลักษณะเหล่านี้ เป็นภาพของราคาในการลงทุนดูแลจิตวิญญาณ ให้เรารู้ว่าต้นทุนที่เราจ่ายจะประมาณเท่าใด? แต่ขณะเดียวกัน ก็มีผล มีความชื่นบานที่รอเราอยู่ เพราะขุมทรัพย์ที่อยู่ในตัวของเขาเหล่านั้น จะได้รับการพัฒนา จะได้รับการนำออกมา ผลที่เกิดขึ้นจะนำมาซึ่งความชื่นบาน ความชื่นชมยินดีอย่างมหาศาล

ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ซาบซึ้งถึงสิ่งเหล่านี้ที่บรรดาพี่เลี้ยงของเราได้จ่ายเพื่อที่จะดูแลเรา



อ. ตรูจิตต์ นีเดอร์เรอร์

สรุปคำเทศนาในค่ายสามคณะ "3 in 1" คริสตจักรสะพานเหลือง

ที่บ้านไร่ริมแควรีสอร์ท

เมื่อวันที่ 09/05/2009

เรื่อง การเลี้ยงดูตามอย่างพระเยซูคริสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map