Custom Search By Google

Custom Search

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ศึกษาพระกิตติคุณมัทธิว

"1 เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว
2 เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน
3 ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่
4 คนที่มีปัญญานั้น ได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย
5 เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
6 ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า 'เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด'
7 พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน
8 พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า 'ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว'
9 พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า 'น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า'
10 เมื่อกำลังไปซื้อนั้น เจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด
11 ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย'
12 ฝ่ายท่านตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน'
13 เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังรอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น" (มัทธิว 25:1-13)


--------------------------------------------------------------------------------

พระเยซูคริสต์ทรงห่วงใยเราทุกคน จึงได้ทรงเปิดเผยให้แก่พวกเราทราบถึงเหตุการที่จะต้องเกิดขึ้นในมัทธิวบทที่ 24 เพื่อที่เราจะเตรียมตัว เตรียมพร้อม และไม่ตกใจกลัวเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

ในบทนี้ พระองค์ก็ได้ตรัสคำอุปมาถึงเรื่องหญิงพรหมจารย์ 10 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดที่เราจะได้คิดใคร่ครวญ

เราควรจะทำความเข้าใจภาพรวมเสียก่อน ว่าประเด็นสำคัญในการเตือนสติจากคำอุปมาเรื่องนี้คืออะไร เพื่อที่เราจะได้ไม่หลงทางเมื่อจะตีความพระคัมภีร์ตอนนี้

ข้อสรุปจากพระคัมภีร์ตอนนี้ ก็คือ

"เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังรอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น" (มัทธิว 25:13)

เราจะต้องเอาข้อสรุปนี้มาตั้งเป็นประเด็นสำคัญ ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำความเข้าใจในเหตุการณ์นี้ มีประเด็นสำคัญคือ เพื่อเตือนสติเราให้เฝ้าระวัง ให้เราพร้อมตลอด ไม่ว่าเวลาไหนหรือโมงไหน เพื่อที่เราจะได้ไม่หลงประเด็นในการตีความ

หญิงสิบคนนี้ มีฉลาด 5 คน และโง่ 5 คน คนโง่ มีตะเกียง มีน้ำมันในตะเกียง แต่ไม่มีน้ำมันสำรอง แต่คนฉลาด มีตะเกียงเหมือนกัน มีน้ำมันในตะเกียงเหมือนกัน แต่มีน้ำมันสำรองด้วย

เหตุการณ์ต่อมา คือ เจ้าบ่าวมาช้า พวกเขาพากันง่วงเหงาและหลับไป จนเที่ยงคืน มีเสียงร้องบอกว่าเจ้าบ่าวมาแล้ว ให้ออกมารับท่าน ก็เกิดปัญหาขึ้นมา เพราะทั้ง 10 คนตื่นหมด และเริ่มสำรวจว่าน้ำมันในตะเกียงของตน คนโง่ก็พบว่าน้ำมันในตะเกียงของตนมีน้อย ไม่เพียงพอ จึงไปขอแบ่งจากผู้หญิงฉลาด 5 คน แต่หญิงฉลาดไม่ให้ บอกให้ไปหาซื้อเอง

ขณะที่หญิงโง่เหล่านั้นไปหาซื้อ เจ้าบ่าวมาถึง และหญิงโง่ 5 คนนั้นเมื่อกลับมาก็พบว่าประตูก็ได้ปิดเสียแล้ว จึงเคาะประตูเรียก และเจ้าบ่าวก็ปฏิเสธว่า "เราไม่รู้จักท่าน"

เรื่องนี้ได้สอนเราถึงการเฝ้าระวังที่จะรอคอยโมงนั้น เวลานั้น สอนว่าเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง

หญิงพรหมจารีย์ คือ หญิงที่บริสุทธิ์ ซึ่งเล็งถึงผู้ที่เชื่อในพระเจ้า ผู้ที่เป็นคริสเตียน เพราะว่าหญิงเหล่านี้เป็นผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าแผ่นดินสวรรค์ และคริสเตียนก็จะได้รับการเลือกให้เป็นเจ้าสาวของพระองค์ ดังนั้น คำอุปมานี้ เกี่ยวข้องกับคริสเตียนโดยเฉพาะ ไม่ได้พูดถึงผู้ที่ยังไม่เชื่อ

คริสเตียนทุกคนรู้ว่า จะต้องมีชีวิตที่สำแดงออก

"15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์" (มัทธิว 5:15-16)

หญิงทั้งสิบคน ทั้งฉลาดและโง่ ก็มีตะเกียงทั้งสิ้น เมื่อมีตะเกียง ก็จำเป็นต้องมีน้ำมัน จึงจะจุดติด และหญิงเหล่านี้ก็มีน้ำมันทุกคน พร้อมที่จะจุดไฟ และเขาทั้งสิบคนก็จุดไฟอยู่แล้ว ซึ่งก็แปลว่า หญิงเหล่านี้มิได้เล็งถึงคริสเตียนที่เป็นแต่ชื่อ แต่เป็นคริสเตียนจริง ๆ เป็นคริสเตียนที่มีแสงสว่าง และเป็นคริสเตียนที่กำลังส่องสว่างอยู่ ซึ่งต่างจากคำอุปมาในบทที่ 24 ที่มิได้เจาะจงว่าเป็นคริสเตียนหรือไม่

"40 เมื่อนั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง
41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง" (มัทธิว 24:40-41)

ดังนั้น จึงไม่ควรตีความว่า น้ำมันเปรียบเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่า พระองค์คงจะไม่สามารถซื้อขายได้ เราคงจะไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอถ้าแบ่งให้ผู้อื่น และไม่ต้องกลัวว่าจะหมด

ในพระคัมภีร์ตอนอื่น ๆ ถ้าหากมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูคริสต์จะทรงอธิบายให้เราเข้าใจด้วย

"37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล ซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืน และประกาศว่า "ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเรา และดื่ม
38 ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า 'แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น' "
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ" (ยอห์น 7:37-39)

แต่ถ้าหากว่าพระองค์ไม่ได้ตีความหมายให้เราเข้าใจ เราก็จะต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะตีความหมาย

ประเด็นสำคัญของพระคัมภีร์ในตอนนี้ คือ ให้เราเป็นคนที่ดีรอบคอบ เฝ้าระวัง ที่จะไม่ให้น้ำมันหมด เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เตรียมให้พร้อมที่สุดแม้ว่าพระเจ้าจะเสด็จมาช้า เพื่อที่เราจะไม่ต้องประสบกับปัญหาเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จกลับมา เพื่อที่เราจะไม่พลาด ถูกขับไล่เมื่อเจ้าบ่าวเสด็จมา

"เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เป็นผู้ดีรอบคอบ" (มัทธิว 5:48)

หญิงโง่ 5 คนนี้ แท้จริงแล้วเราจะเห็นได้ว่า เขาพลาดเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง แต่ความผิดพลาดของเขาเหล่านั้น ทำให้เขาเหล่านั้นพลาดที่จะเข้าแผ่นดินของพระเจ้า และเจ้าบ่าวก็บอกว่า "ไม่รู้จัก"

เมื่อเวลานั้น เจ้าบ่าวจะไม่ไว้หน้าผู้ใดเลย แม้ว่าหญิงโง่เหล่านั้นจะได้รับการเลือกและแต่งตั้งแล้ว แต่เจ้าบ่าวก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่รู้จักพวกเขา

"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดฟังคำของเรา และวางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์ และไม่ถูกพิพากษา แต่ได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว" (ยอห์น 5:24)

เราจะต้องใคร่ครวญว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับเหตุการณ์นี้ ว่าหญิงโง่ห้าคนนั้นมีข้อบกพร่องในสิ่งใด เพื่อที่เราจะได้ใคร่ครวญตัวเอง และจะไม่เป็นแบบเขา

เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ทั้ง 10 คนก็หลับหมดเลย ทั้งคนฉลาดและโง่ต่างก็หลับเช่นกัน คำว่าหลับในตอนนี้มีความหมายว่าอะไร ? จะเป็นการหลับเดียวกันกับที่กล่าวใน 1เธสะโลนิกา 5 หรือไม่ ?

"5 ท่านเป็นบุตรของความสว่าง และเป็นบุตรของกลางวัน เราทั้งหลายไม่ได้เป็นของกลางคืน หรือของความมืด
6 เหตุฉะนั้น เราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวัง และไม่เมามาย
7 เพราะว่า คนนอนหลับก็ย่อมหลับในเวลากลางคืน และคนเมาก็ย่อมเมาในเวลากลางคืน" (1เธสะโลนิกา 5:5-7)

ถ้าเราโยงว่าสองสิ่งเหมือนกัน ก็จะดูว่าขัดแย้งกัน แต่ให้เราสังเกตว่า ใน 1 เธสะโลนิกา ได้เน้นถึงกลางวันและกลางคน ความสว่างหรือความมืด ดังนั้น การหลับใน 1เธสะโลนิกา แตกต่างจากการหลับของหญิงพรหมจารย์ 10 คน เพราะการหลับใน 1เธสะโลนิกานี้ เป็นการหลับ กลับไปสู่ชีวิตในความมืด แต่สำหรับหญิงพรหมจารีย์นี้ มิได้เป็นการหลับเช่นนั้น เพราะทั้ง 10 คนก็ยังคงมีตะเกียง มีน้ำมัน และไฟก็ยังติดอยู่ เมื่อเขาหลับอยู่ พวกเขามิได้กลับไปสู่ความมืด และก็ยังมีผู้ที่สามารถที่จะเข้าร่วมพิธีสมรสได้ด้วย การหลับของหญิงเหล่านี้เป็นการหลับฝ่ายร่างกายจริง ๆ ไม่มีผลต่อความสว่างที่เขามีอยู่

หญิงโง่ห้าคน เมื่อขอแบ่งน้ำมัน หญิงฉลาดมิได้ให้ แสดงให้เห็นว่า ในเวลานั้น การเฝ้าระวัง ไม่สามารถที่จะฝากฝังกับใคร ไม่สามารถเอื้อให้ใครได้ แต่ละคนจะต้องเฝ้าระวังเอง ต้องรอบคอบเอง แม้ว่าเราจะอยู่ในกลุ่มคริสเตียนที่ร้อนรน แต่เมื่อถึงเวลานั้น พระเจ้าจะทรงพิจารณาอย่างยุติธรรม เป็นเรื่องส่วนตัวของเราว่าเราจะรอบคอบเพื่อพระเจ้าหรือไม่

เมื่อหญิงโง่รู้ตัวแล้ว พวกเขาก็ไปหาซื้อน้ำมัน เพื่อที่จะเติมในตะเกียง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ฉะนั้น การเฝ้าระวังจะประมาทไม่ได้ พระเยซูคริสต์จึงทรงสรุปว่า ให้เราเฝ้าระวังตลอดเวลา ถ้าเราไม่เฝ้าระวังเช่นนี้ เราจะถูกปฏิเสธ

จากคำอุปมาตอนนี้ ทำให้เราเข้าใจถึงบุคลิกของพระเจ้าว่า พระองค์ทรงดีพร้อม ทรงจริงจัง ทรงเข้มงวด ทรงใส่พระทัย ทรงพิถีพิถันในการคัดสรรคนของพระองค์ และจะไม่ทรงอะลุ้มอล่วย

เมื่อเราทราบถึงพระลักษณะของพระองค์เช่นนี้ ก็ขอที่เราจะใคร่ครวญพิจารณาชีวิตเรา ว่าชีวิตของเราเหมาะสมที่จะเข้าในแผ่นดินของพระองค์หรือไม่ ขอพระเจ้าทรงช่วยเรา ที่เราจะได้เห็นว่า เราจะต้องเตรียมพร้อมเตรียมตัวมากขนาดไหน ที่เราจะเข้าใจว่ามาตรฐานของพระองค์เป็นเช่นไร และที่เราจะทำตัวเราให้ถึงมาตรฐานของพระองค์ แล้วเราก็จะปลอดภัย

อย่ามองว่า สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่ายาก แต่ให้เรามองว่า สิ่งที่เราจะได้นั้น มีคุณค่าเพียงไร แผ่นดินสวรรค์มีเพียงที่เดียว คือ แผ่นดินของพระเจ้า ถ้าเราพลาดจากที่แห่งนี้ เราก็จะลงนรกทันที พระเจ้าจึงทรงบอกกับเราว่า ให้เราต่อสู้ ไขว่คว้าให้ได้

ตะเกียงจะต้องเป็นความสว่างอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากมิได้เป็นเช่นนี้ เวลาที่ตะเกียงไม่ได้เป็นความสว่าง ถ้าหากว่าพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จกลับมาเมื่อนั้น เราก็จะไม่มีข้ออ้างได้เลย แสงสว่างจะต้องส่องตลอดเวลา จนกระทั่งถึงวันนั้น เวลานั้น โมงนั้น

ถ้าหากว่าน้ำมันของเราไม่พอ ให้เรารีบไปหามาให้พอ อย่าให้ตะเกียงดับ และถ้าหากตะเกียงเราดับอยู่ ให้เราเติมน้ำมัน รีบจุดไฟ ส่องสว่าง ก่อนที่จะสายเกินไป



อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล

คำแบ่งปันกลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 25/04/2009

เรื่อง ศึกษาพระกิตติคุณมัทธิว

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map