Custom Search By Google

Custom Search

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ศึกษาพระธรรมมัทธิว 25: คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์‏

คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์


--------------------------------------------------------------------------------

"14 และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้
15 คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป
16 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว
17 คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน
18 แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้
19 ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น
20 คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า 'นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์'
21 นายจึงตอบว่า 'ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด'
22 คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า 'นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์'
23 นายจึงตอบว่า 'ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด'
24 ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า 'นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย
25 ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน'
26 นายจึงตอบว่า 'อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย
27 เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย
28 เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์
29 ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
30 เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน' " (มัทธิว 25:14-30)


--------------------------------------------------------------------------------

ผู้จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ จะต้องมีอุปสรรคเช่นเดียวกับที่ทั้งสามคนได้เผชิญ และเราก็ได้พบว่า มีเพียงแค่ 2 คนที่จะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ อีกคนหนึ่งจะเข้าไม่ได้

สิ่งที่นายมอบให้ คือ "เงินตะลันต์" ซึ่งท่านได้ให้ "ตามความสามารถของแต่ละคน" ซึ่งปริมาณที่นายให้แก่ทาส จะมากหรือน้อยขึ้นกับความสามารถที่บุคคลที่ได้รับ ถ้ามีความสามารถมาก เขาก็ให้มาก แต่ถ้ามีความสามารถน้อย เขาก็ให้น้อย

เช่นเดียวกัน พระเจ้าจะทรงประทานตะลันต์ให้แก่เรา ตามความสามารถที่เรามี ถ้าหากเรามีความสามารถมาก เราก็จะได้รับตะลันต์มาก แต่ถ้ามีน้อย ก็จะได้รับน้อย เพื่อที่เราแต่ละคนจะได้รับภาระที่เหมาะกับตนเอง

อยากให้เราทำความเข้าใจ และแยกสิ่งที่ได้มาจากพระเจ้า ที่พระคัมภีร์ใช้คำว่า "ของประทาน" ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

ของประทานที่เกี่ยวข้องกับความสามารถ ที่ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน (ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับในพระคัมภีร์ตอนนี้) ซึ่งโดยส่วนตัว มักจะใช้คำว่า "ตะลันต์" เพื่อที่จะไม่สับสน

ของประทานฝ่ายพระวิญญาณ ซึ่งไม่ได้ขึ้นกับความสามารถที่เรามีอยู่ (1โครินธ์ 12) ซึ่งขึ้นกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นผู้ประทานให้ เป็นของประทานพิเศษ

"4 ของประทานนั้นมีต่างๆกัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน
5 งานรับใช้มีต่างๆกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
6 กิจกรรมมีต่างๆกัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมนั้นๆในทุกคน
7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
8 พระเจ้าทรงโปรดประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน
9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน
10 และให้อีกคนหนึ่งทำการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะได้ และให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ และให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆได้
11 สิ่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์" (1โครินธ์ 12:4-11)

เราต้องแยกแยะให้ถูกต้อง เพื่อที่เราจะสามารถอธิษฐานได้อย่างถูกต้อง เราจะต้องระมัดระวังที่จะไม่นำมาปนกัน

เมื่อพระเจ้าตะลันต์ให้แก่เรา พระองค์ประทานความสามารถในด้านต่าง ๆ ประทานทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ให้แก่เรา เราจะต้องทำความเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้พระเจ้าทรงประทานให้แก่เราเพื่ออะไร?

ตามคำอุปมานี้ พบว่า ในที่สุดแล้ว นายจะกลับมาเพื่อคิดบัญชี และคนที่ได้ 5 ตะลันต์และ 2 ตะลันต์นั้น เขาได้เพิ่มเติม ทำการค้าขาย จนได้เพิ่มอีกเท่าตัว และก็นำมามอบให้แก่นายของเขา

เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงประทานตะลันต์ให้แก่เรา เพื่อที่จะให้เรานำไปใช้ให้เกิดผล และในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมานั้น พระองค์จะทรงคิดบัญชีกับเราทุกคน เราจะต้องนำสิ่งนี้มอบถวายแด่พระองค์ นำส่วนที่กำไรนั้นมอบถวายแด่พระองค์

เราใช้ความสามารถเหล่านั้นเพื่อตัวเราเอง หรือให้แก่สิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่? เราจะต้องใคร่ครวญให้ดี เพื่อที่เราจะไม่พลาดไปเหมือนกับคนที่ได้ 1 ตะลันต์ เพราะเขาไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้าเลย เขาไม่ได้ทำให้สิ่งที่พระเจ้าประทานให้นั้นเพิ่มพูนขึ้นเลย ความสามารถที่เขามีเขาไม่ได้นำมาใช้เพื่อพระเจ้า และให้สังเกตว่า การฝังดินนั้น เขานำเงินไปฝัง แต่ไม่ได้นำความสามารถไปฝัง และเขาก็คงใช้ความสามารถของเขาเพื่อสิ่งอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้ตะลันต์ที่เขาได้รับนั้นเพิ่มขึ้นเลย

ให้สังเกตว่า คนที่ได้รับ 5 ตะลันต์ และ 2 ตะลันต์นั้น เมื่อได้รับแล้ว เขาก็เอาเงินนั้นไปทำการค้าขาว "ทันที" เขารีบทำเมื่อได้รับตะลันต์ ทำเพื่อนายของเขา จนเกิดผลเท่าตัว และนำทั้งหมดมอบคืนให้กับนายของเขา

เช่นกัน เมื่อเราได้รับตะลันต์ของเรานั้น เราควรที่จะมีท่าทีที่ถูกต้อง ก็คือ สัตย์ซื่อ และเร่งใช้ความสามารถของเราทันที เพื่อให้ตะลันต์นั้นเพิ่มพูนขึ้นมา แล้วเราก็จะได้รับพระพรเช่นเดียวกับทาสผู้สัตย์ซื่อสองคนนั้น

พระเจ้าของเราทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม การที่เราจะทำเต็มความสามารถของเราเพื่อพระเจ้านั้น จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยแน่นอน ไม่ว่าเราจะมีความสามารถมากหรือน้อย เพียงแค่สัตย์ซื่อเท่านั้น พระเจ้าก็ทรงพอพระทัยเช่นกัน

คนที่ได้ 1 ตะลันต์นั้น เป็นคนเดียวที่แสดงตนให้เห็นว่าเขารู้จักนายดี เขาคิดว่าเขารู้จักนายดีและอ้างตัวขึ้นมา เขาอ้างว่า นายของเขาเป็นคนใจแข็ง ที่เก็บเกี่ยวในสิ่งที่ตนไม่ได้หว่าน

ให้เราระวังให้ดี เพราะเราเห็นได้ว่าข้อแก้ตัวของทาสที่ได้ 1 ตะลันต์นั้น กลับเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาหาเขาเอง และในที่สุด เขาก็ได้ข้อหา 2 ข้อหา คือ "อ้ายข้าชั่วช้า" และ "เกียจคร้าน"

สิ่งที่พระเจ้าใส่ในชีวิตของเราทุกคน จะเป็นสิ่งที่พระเจ้าจะมาทวงถามจากพวกเรา เพราะผู้ที่จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ ก็คือ ผู้ที่จะกระทำตามพระทัย

"มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า' จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้" (มัทธิว 7:21)

ดังนั้นเราจะเกียจคร้านไม่ได้ เพราะถ้าเรารู้พระทัยพระเจ้าแล้วไม่เชื่อฟัง เราก็เป็นคนชั่วช้าและเกียจคร้านในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าก็จะมิทรงพอพระทัยในตัวเรา

จากคำอุปมานี้ จะพบว่า ถ้าหากไม่นำไปลงทุน เขาก็ยังสามารถนำเงินไปฝากธนาคาร การนำเงินไปฝากธนาคารมีความหมายเช่นไร?

เมื่อเรานำเงินไปฝากธนาคาร เราก็ได้รับผลจากดอกเบี้ย และดอกเบี้ยที่เราได้รับ เกิดจากธุรกิจของธนาคาร

เช่นกัน พระเจ้าทรงเปิดช่องทางให้แก่เรา แม้ว่าเราจะไม่ได้รับใช้พระเจ้าโดยตรง อาจจะเพราะความกลัว หรือเพราะความคิดอะไรก็ตาม แต่เรายังสามารถเข้าไปร่วมอยู่ในส่วนของผู้ที่รับใช้พระเจ้าโดยตรงก็ได้ เพื่อเราจะได้รับดอกเบี้ย เป็นผลกำไรที่พระเจ้าทรงรับได้

การถวายทรัพย์ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อเรานำเงินมาถวายให้แก่ผู้รับใช้ คริสตจักร หรือองค์กรคริสเตียน เราก็มีส่วนในการรับใช้นั้น เป็นเหมือนการฝากธนาคาร เพื่อที่เราจะได้ผลที่จะถวายแด่พระเจ้า เป็นผลกำไรที่ผู้รับใช้พระเจ้ากระทำให้เกิดผล

แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยที่สุด เพราะเพียงแค่นี้ ชีวิตเราก็จะไม่สามารถเกิดผลได้มาก แต่หากเรารับใช้ด้วยความสามารถของเราเต็มที่ เราก็จะเกิดผลได้มาก และผู้ที่เกิดผลมาก พระเจ้าก็จะยิ่งเพิ่มเติมให้มากด้วย อย่าให้เราพอใจแค่จะฝากธนาคารเท่านั้น แต่ให้เราปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุด ให้เราฝึกฝนที่จะรับใช้ ไม่ละเลยที่จะเรียนรู้การประกาศ ไม่เลี่ยงอ้างว่าทำไม่ได้และฝากธนาคารอย่างเดียว แม้จะเป็นสิ่งที่พระเจ้าเปิดทางให้ แต่พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราเป็นเพียงแค่นั้น สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้เราเกิดผลมาก ไม่ใช่เพียง 30 เท่า หรือ 60 เท่าเท่านั้น แต่เป็น 100 เท่า

"เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย" (ยอห์น 15:5)

ขอที่เราอย่าเป็นเหมือนคนที่ได้ 1 ตะลันต์นั้น เพราะคนเช่นนี้ไม่เคยนำตะลันต์ที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์แด่แผ่นดินของพระเจ้าเลย และก็ไม่นำเงินไปฝากธนาคารเพื่อให้เกิดผลเลย ซึ่งคนเช่นนี้ พระเจ้าคงจะไม่อนุญาตให้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ได้เลย คนเช่นนี้จะไม่มีสิทธิ์ในแผ่นดินของพระองค์ จะถูกขับไล่ออกให้อยู่ภายนอก ให้ไปอยู่ในที่ที่จะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และพระองค์จะนำสิ่งที่เขามีไปให้แก่ผู้ที่มีเหลือเฟือ ตัวของเขาเองจะไม่มีอะไรเหลือเลย พระองค์ทรงทราบว่า แม้ว่าเขามี ก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย

คำอุปมาต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เราเข้าใจถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะได้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า เพื่อเราจะได้เตรียมชีวิตของเราให้มีคุณสมบัติพร้อมสำหรับแผ่นดินของพระเจ้า

เราจำเป็นต้องใคร่ครวญว่า ความสามารถที่เรามีอยู่แล้ว เรานำมาทุ่มเทให้กับพระเจ้าแล้วหรือยัง? เราได้กระทำ "ทันที" ดังเช่นกับคนที่ได้ 5 ตะลันต์ และ 2 ตะลันต์หรือไม่? เราเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่?

เราไม่จำเป็นจะต้องรอให้มีฐานะมั่นคง หรือไว้เกษียณก่อนแล้วจึงจะรับใช้ แต่ให้เราสะสมสิ่งเหล่านี้ ให้เรารับใช้ทันที และเมื่อพระองค์เสด็จมาเพื่อคิดบัญชี เราจะมีสิ่งที่จะมอบถวายแด่พระองค์

ถ้าหากว่า เราไม่คิดที่จะใช้ความสามารถของเรา ใช้ตะลันต์ที่พระองค์ทรงประทานแก่เราอย่างสัตย์ซื่อ ไม่ปรารถนาที่จะรับใช้พระเจ้าแล้ว เราก็ไม่ต้องคิดจะขอของประทานฝ่ายพระวิญญาณเลย เพราะของประทานฝ่ายพระวิญญาณนั้น มีเพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ แต่ถ้าหากเราใช้ตะลันต์อย่างสัตย์ซื่อแล้ว พระเจ้าจะทรงประทานของประทานฝ่ายพระวิญญาณนั้นให้แก่เราอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่ไม่ใช่จากความสามารถของเรา แต่พระเจ้าจะเพิ่มเติมในสิ่งที่เรามีแล้ว ให้มีมากขึ้นอีก เพราะของประทานฝ่ายพระวิญญาณนั้น พระเจ้าทรงประทานให้ทุกคนที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า และพระองค์จะทรงประทานเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

"จงมุ่งหาความรัก และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ" (1โครินธ์ 14:1)

ขอที่เราจะมุ่งใช้ความสามารถของเรา ใช้ตะลันต์ที่เราได้รับเต็มที่ แล้วเมื่อนั้น ของประทานฝ่ายวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงประทานให้แก่เราอย่างอัตโนมัติ

สำหรับคนคนหนึ่ง พระเจ้าทรงประทานของประทานให้แบบพิเศษ เป็นสิ่งมีค่าอย่างมาก พระเจ้าจะประทานแก่เขาเพื่อที่เขาจะใช้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์ และถ้าเขาสัตย์ซื่อกับพระเจ้าเต็มที่ พระเจ้าก็จะประทานให้แก่เขาตลอดชั่วชีวิตของเขา พระเจ้าทรงทราบชีวิตของเขา พระองค์ทรงทราบว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร พระองค์ไม่ทรงประทานอย่างพร่ำเพรื่อแน่นอน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งล้ำค่า พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ และทรงรอบคอบอย่างมาก



อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล

คำแบ่งปันกลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 15/05/2009

เรื่อง ศึกษาพระกิตติคุณมัทธิว

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map