Custom Search By Google

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

1.ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า

เราทุกคนในที่นี้ มาอยู่ที่นี่ได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียม พระเจ้าทรงเลือกเราไว้แล้ว และพระองค์ทรงรู้จักเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัว

ขอหนุนใจที่เราจะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตให้ดี ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตเสมอ

"แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้" (มัทธิว 6:33)

เวลาเล่น ก็ให้เราเล่นเต็มที่ แต่เวลาที่เราให้พระเจ้า ก็ขอที่เราจะเอาจริงเอาจัง ให้พระเจ้าเต็มที่เช่นกัน

ถ้าเรารู้จักความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา ชีวิตของเราจะไม่เหมือนเดิม ชีวิตของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลง ชีวิตของเราจะมีผลกระทบต่อคนรอบข้าง จึงขอหนุนใจที่เราจะเริ่มแสวงหาพระเจ้าตั้งแต่อายุยังไม่มาก เพราะเราจะมีชีวิตอยู่อีกนาน แล้วเราจะมีชีวิตที่มีสันติสุขอย่างที่โลกให้เราไม่ได้

บ่อยครั้ง เมื่อเรานึกถึงภาพของคนที่ติดสนิทกับพระเจ้า เราจะนึกถึงคนที่มีลักษณะ active มีบทบาทเยอะในคริสตจักร พูดอะไรก็น่าฟัง มีข้อคิดที่ดี แต่พระคัมภีร์กล่าวถึงลักษณะของผู้ที่ติดสนิทกับพระเจ้าว่าอย่างไร?




--------------------------------------------------------------------------------

"1 เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
2 แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล
พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น
3 ท่านทั้งหลายได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เราได้กล่าวแก่ท่าน
4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด
ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น
5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
9 พระบิดาทรงรักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา
10 ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา
เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์
11 นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม" (ยอห์น 15:1-11)


--------------------------------------------------------------------------------

1. รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเรา

พระเยซูคริสต์ทรงเปรียบเทียบว่า พระองค์เป็นเถาองุ่น และพวกเราก็เป็นแขนง เป็นต้นเดียวกัน โดยมีพระบิดาเป็นผู้ดูแลรักษา เราทุกคนได้รับสารอาหารจากท่อลำเลียงเดียวกัน ถ้าแยกจากพระเยซูคริสต์แล้ว เราจะทำอะไรไม่ได้เลย

พระเยซูคริสต์ทรงแยก "แขนง" ออกเป็น 2 ประเภทเท่านั้น ได้แก่

ผู้ที่เข้าสนิท และมีหลักฐานของการเข้าสนิท

ผู้ที่ไม่เข้าสนิท และถูกตัดทิ้งเสีย

พระเยซูคริสต์ไม่ได้ตรัสถึงแขนงประเภทอื่นนอกจากสองประเภทนี้ เพราะไม่มีผู้ใดที่เข้าสนิทและไม่เกิดผล ตรงกันข้าม ไม่มีผู้ใดที่เกิดผลโดยไม่ได้ติดสนิทกับพระองค์

พระเยซูคริสต์แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตอย่างที่พระเยซูคริสต์อยากให้เราเป็น คือ เป็นชีวิตที่เป็นเนื้อเดียวกันกับพระองค์

พระเจ้าสร้างเรา เพื่อที่จะทรงรักเรา และให้เรารักพระองค์

ที่สวนเอเดน พระเจ้าสร้างอาดัมและเอวา ทั้งสองอยู่กับพระเจ้าได้อย่างสนิทสนม สามารถคุยกันได้แบบหน้าต่อหน้า จนกระทั้งทั้งคู่ทำบาป

เช่นเดียวกันพระเจ้าสร้างเราแต่ละคนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ด้วยความคิดของพระองค์เอง พระองค์ทรงออกแบบเราไว้อย่างดี มีแผนการอย่างดี มีเป้าหมายชีวิตที่งดงามสำหรับเราแต่ละคน และพระองค์ทรงต้องการที่จะสัมพันธ์สนิทกับเราด้วยความรัก

เวลาที่มีใครที่มารักเรา เราจะรู้สึกว่าตัวเราเป็นที่รัก เป็นคนพิเศษ เราจะมีความรู้สึกที่พิเศษ เช่นเดียวกัน พระเจ้ารักเรา และเราเป็นคนพิเศษในสายพระเนตรของพระเจ้า

รากฐานแรกที่พระเจ้าต้องการวางให้เป็นรากฐานในชีวิตของเรา คือ "ความรัก"

"17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว
18 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก
19 คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม" (เอเฟซัส 3:17-19)

รากที่แข็งแร่งที่สุด คือ ความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้น ความรักซึ่งเป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ซึ่งเราได้รับจากพระเจ้า

หมู่เกาะในแถบแฟซิฟิก ในแต่ละเกาะก็จะมีวัฒนธรรมต่าง ๆ กัน

มีหมู่บ้านหนึ่งในเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีวัฒนธรรมที่เมื่อมีใครมาขอลูกสาว จะต้องมีของมาแลก และอัตราจะขึ้นกับความสวยของผู้หญิง มีตั้งแต่ไข่ไก่ จนถึงวัวทั้งตัว

มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง คุณพ่อเป็นชาวนา มีลูกสาวสองคน ลูกสาวคนโตหน้าตาธรรมดา และลูกสาวคนเล็กสวยมาก

วันหนึ่งก็มีผู้มาขอลูกสาวคนเล็ก พี่สาวของเขาก็คิดมาก เพราะว่าหากว่าพี่สาวไม่แต่งงาน น้องสาวก็คงจะไม่สามารถแต่งงานได้

ในที่สุด ก็มีพ่อค้าคนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวนี้ประจำ และเขาก็ได้มาขอพี่สาวคนโต พี่สาวเลยคิดว่า ถ้าหากเขาไม่รีบแต่งไป น้องสาวจะหมดโอกาสที่จะแต่งงาน เขาจึงรับแต่งงานทันที เพราะอยากให้น้องสาวได้แต่งงาน

ปรากฎว่าในที่สุด คนที่มาขอน้องสาว ได้ให้ไก่มา 2 ตัว พ่อก็คิดว่าคนที่มาขอพี่สาวคงจะให้น้อยกว่านั้น แต่ปรากฎว่า พ่อค้าคนนั้น รักพี่สาวมาก รักอย่างจริงใจมาก แม้ว่าจะพี่สาวคนนี้จะมีหน้าตาธรรมดา พ่อค้าคนนี้ได้นำวัว 8 ตัวมาแลกเปลี่ยน หลังจากนั้น พี่สาวคนนี้จึงได้รับสมยานามว่า "เจ้าสาววัวแปดตัว"

หญิงที่เป็นลูกสาวคนโต ก็ได้ย้ายไปอยู่กับพ่อค้า ไปอยู่ในเกาะแห่งหนึ่ง และใช้ชีวิตกับภรรยาอย่างมีความสุข หลังจากนั้น "เจ้าสาววัวแปดตัว" ก็กลายเป็นหญิงที่สวยขึ้นเรื่อย ๆ

การที่ได้รับความรัก การที่ได้เป็นที่รัก จะเปลี่ยนทัศนคติที่เรามีต่อตัวเอง เวลาที่เรามีทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง รู้ว่าตัวเองมีค่า ชีวิตก็จะเปลี่ยนไป

พระเจ้ารักเรา และเวลาที่พระเจ้าจะมาขอเรา พระองค์ก็จะมาขอเราด้วยสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์มี เพื่อจะได้เราเป็นของพระองค์ นั่นก็คือ พระเยซูคริสต์ พระองค์มาขอเพื่อที่เราจะเป็นของพระองค์ อยากให้เรารับสิ่งนี้ไว้ในจิตใจ

คนที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รัก ก็จะมีความทุกข์มาก แม้ว่าจะมีหน้าตาดี เรียนเก่ง แต่ถ้าไม่รู้สึกว่าเป็นที่รัก เราก็จะไม่สามารถรักใครได้ทั้งนั้น รวมถึงเราไม่สามารถที่จะรักตัวเองได้เช่นกัน

ปัญหาใหญ่ของคนที่ติดยาเสพติด คือ เขาไม่รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า

เราจะรักตัวเอง เมื่อเรารู้ว่ามีผู้หนึ่งรักเรามาก แลพระเจ้ายิ่งใหญ่สูงสุด พระองคืทรงรักเรามาก พวกเรามีโอกาสดีมาก ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ดี มีคนที่ให้ความรักแก่เรา แต่มากกว่านั้น คือ ความรักที่พระเจ้าพระบิดามีต่อเรา

เราแต่ละคน เราเปรียบเหมือนเจ้าสาววัวแปดตัวของพระองค์

พระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องให้เรามีคุณภาพชีวิตเช่นนี้

เราอาจรู้สึกว่า พระเจ้ารักคนนั้นมากว่าเรา เพราะว่าคนนั้นดีกว่าเรา นี่เป็นการโกหก เพราะแท้จริงแล้ว พระเจ้ารักเราอย่างถึงที่สุด ไม่มีใครแทนที่เราได้ นี่เป็นรากฐานของชีวิตคริสเตียน เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้

ถ้าหากเรารู้ว่าพระเจ้ารักเรา ชีวิตเราจะมีความสุขมาก ชีวิตของเราจะมีความมั่นใจ เรามีคุณค่า เราเป็นที่รัก นี่เป็นความจริง

"ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น" (สดุดี 103:12)

"เพราะภูเขาอาจจะพรากจากไป และเนินอาจจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่คลอนแคลนไป พระเจ้าผู้มีความสมเพชต่อเจ้าตรัสดังนี้" (อิสยาห์ 54:10)

คุณภาพความสนิทสนม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารับใช้มากเพียงใด ไม่ได้ขึ้นกับว่าเรามีความสามารถมากเพียงใด ไม่ใช่การตอบพระคัมภีร์เก่ง แต่สัญญาณอย่างหนึ่งของคนที่มีชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้า คือ ความรัก คือเรารู้ว่าพระเจ้ารักเรา

บางคนมีความรู้พระคัมภีร์ดีมาก แต่ไม่มีความรัก ขี้หงุดหงิด ไม่มีความสุข นี่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะติดสนิทกับพระเจ้า

เวลาเราสนิทกับพระเจ้า เราจะรู้สึกว่าพระเจ้ารู้สึกอย่างไรกับเรา

เรารู้หรือไม่ว่าพ่อแม่รักเรา? แม้ว่าพ่อแม่จะไม่พูด แต่เรารู้ได้ จากบางสิ่งบางอย่าง

เช่นกัน เราสนิทกับพระเจ้า เรารู้ว่าพระเจ้ารักเรา เราซาบซึ้งในความรักของพระองค์ และความรักจะซ่านในชีวิต ความรักจะแผ่ออกมา แสดงออกมาเป็นความสุข เราจะทำสิ่งที่ดีกับตนเอง และกับคนอื่น เหมือนแก้วน้ำที่ล้น จึงจะสามารถล้นให้แก่คนอื่นได้

เราจะต้องยึดมั่นกับพระเจ้าเสมอ แม้ว่าเราจะผิดหวังในเรื่องต่าง ๆ แต่เราจะต้องยึดมั่นเสมอว่า พระเจ้ารักเรา พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับชิวตของเราเสมอ



2. ถ้อยคำของพระเจ้าฝังอยู่ในชีวิต

เมื่อเรายึดมั่นกับพระเจ้า ถ้วยคำของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเรา และพระบัญญัติของพระองค์จะไม่เป็นภาระ

"เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ" (1ยอห์น 5:3)

เมื่อเรารักพระเจ้า ถ้อยคำของพระเจ้าจะฝังในตัวเรา และการปฏิบัติตามบัญญัติเหล่านั้นจะไม่เป็นภาระ

แม้ว่ากายจะยากลำบาก แต่เราก็จะยังมีความสุข เมื่อเราใกล้ชิดพระเจ้า

เวลาที่เราสนิทกับพระเยซู เรารักพระเยซู เราจะเลือกที่จะเชื่อฟังโดยอัตโนมัติ เพราะเรารู้ว่า เชื่อฟังก็ปลอดภัย เชื่อฟังก็ดีกว่า เพราะสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียม ย่อมดีกว่าที่เราคิดมาก พระบัญญัติของพระองค์จะไม่เป็นภาระเลย นี่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ติดสนิทกับพระเจ้า

พระบัญญัติของพระเจ้า ทำให้เราวิ่งในเสรีภาพของความจริง ในสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้เราฉลาด )

"พระบัญญัติของพระองค์กระทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์
เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ" (สดุดี 119:98)

"ข้าพระองค์จะวิ่งในทางพระบัญญัติของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงขยายความเข้าใจของข้าพระองค์" (สดุดี 119:23)

สัญลักษณฺเหล่านี้ เป็นอาการที่ตามมาจากการที่เราติดสนิทกับพระเจ้า รู้จักกับพระเจ้า ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า และพระบัญญัติของพระเจ้าฝังอยู่ในตัวของเรา



3. ชีวิตที่เกิดผล

สัญญาณตามมา ก็คือ ชีวิตของเราจะเกิดผล เป็นชีวิตที่มีผลกระทบ มีอิทธิพลทางฝ่ายวิญญาณ เป็นชีวิตที่จะนำแผ่นดินของพระเจ้าเข้าสู่ในชีวิตของคนอื่น ๆ เข้าในสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา

ผลเหล่านี้ เป็นผลแบบที่เกิดโดยไม่รู้ตัว เป็นสิ่งที่เราจะมีเมื่อเราติดสนิทกับพระเจ้า ผลที่เกิดขึ้นอาจจะไม่สามารถที่จะเห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แต่จะเป็นสิ่งที่เกิดผลแบบเป็นธรรมชาติ และประเมินค่าไม่ได้ วัดไม่ได้

มีหลาย ๆ คน เป็นพรต่อชีวิตของข้าพเจ้า แม้ว่าจะเป็นน้อง หรือเป็นพี่ แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นสิ่งที่เกิดอย่างเป็นธรรมชาติ เจ้าตัวไม่รู้ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว มีผลกระทบต่อชีวิตของข้าพเจ้า



4. พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน

นอกจากนี้ ในพระคัมภีร์ตอนนี้ มีพระสัญญาว่า ถ้าหากเราเข้าติดสนิทกับพระองค์ เมื่อเราขอสิ่งใด พระองค์ก็จะทรงประทานสิ่งนั้น พระเจ้าจะทรงฟังคำอธิษฐานของเรา

พระคัมภีร์หลายตอน ท้าท้ายให้เราเข้าสนิทกับพระองค์ ให้พระคำของพระองค์ฝังในชีวิตของเรา และพระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของเรา เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก และนี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของชีวิตที่ติดสนิทก็คือ พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของผู้นั้น ยกเว้นสิ่งที่เราขอไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา

หญิงคนหนึ่ง ชื่อ รูส อธิษฐานว่าอยากแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างมาก แต่พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเขา และในที่สุด เขาก็กลับได้แต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ที่ชื่อ บิลลี่ เกรแฮม ซึ่งเป็นนักประกาศระดับโลก

อยากให้เรื่องนี้เป็นที่หนุนใจแก่เรา ว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของพระองค์เสมอ



ขอเราที่จะมีโอกาสใคร่ครวญ อธิษฐานต่อพระเจ้า ขอที่เราจะสัมผัสถึงความรักของพระเจ้า

"เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา" (2ทิโมธี 1:7)

"17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว
18 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก
19 คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม" (เอเฟซัส 3:17-19)



อ. ตรูจิตต์ นีเดอร์เรอร์

สรุปคำเทศนาในค่ายสามคณะ "3 in 1" คริสตจักรสะพานเหลือง

ที่บ้านไร่ริมแควรีสอร์ท

เมื่อวันที่ 08/05/2009

เรื่อง ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map