Custom Search By Google

Custom Search

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

เทศนาฟื้นฟู 2, ค่าย Youth Challenge 2009

เราเป็นคริสเตียน จะต้องทำอะไรสุด ๆ จะดำเนินตามทางสายกลางไม่ได้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงรักเราสุด ๆ จนได้ทรงยอมสละพละชนม์ของพระองค์ เพื่อช่วยเราให้พ้นบาป

พระองค์ทรงให้แก่เราอย่างเต็มที่ พระองค์ทรงเต็มที่กับเราเสมอ ดังนั้น ขอที่เราจะให้พระองค์อย่างเต็มที่เช่นกัน ดังชื่อค่ายที่ว่า "เต็มที่ กับพระคริสต์"

"16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ {หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็} เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม
17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
1 ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้า และพระเยซูคริสต์ ผู้จะทรงพิพากษาคนเป็น และคนตาย โดยอ้างถึงการที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏ และแผ่นดินของพระเจ้าว่า
2 ให้ประกาศพระวจนะ ให้ขะมักเขม้นที่จะทำการทั้งในขณะที่มีโอกาส และไม่มีโอกาส ให้ชักชวนด้วยเหตุผล เตือนสติ และตักเตือนให้อดทนอยู่เสมอ ในการสั่งสอน
3 เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอน ในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก
4 เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ
5 แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
6 เพราะว่า ข้าพเจ้ากำลังจะตกเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป
7 ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว
8 ต่อแต่นี้ไป มงกุฏแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวงที่ยินดี ในการเสด็จมาของพระองค์" (2ทิโมธี 3:16-17; 4:1-8)

ขอทบทวนว่า คริสเตียน มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1 มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง แม้จะทำในนามพระเยซูคริสต์ แต่ก็เพื่อเกียรติ ชื่อเสียง ปากท้องของตัวเอง คนประเภทนี้แหละที่พระองค์จะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเขา

"มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า' จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จึงจะเข้าได้" (มัทธิว 7:21)

2 มีชีวิตเพื่อพระคริสต์ หมายความว่า ทำทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ แต่ไม่พึ่งพระคริสต์ พี่น้องครับ ถ้าทำทุกอย่างปราศจากพระเจ้า สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดประโยชน์ เนื้อและเลือดจะให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ คนเหล่านี้เป็นเช่นนี้เพราะว่าเขาติดกับสิ่งที่เคยเป็นในอดีต ที่จะต้องทำอะไรให้พระทั้งหลาย เมื่อมาเชื่อพระเจ้า เขาจึงปรนนิบัติโดยกำลัง คนพวกนี้ จะรอดเหมือนรอดจากไฟ

3 มีชีวิตสำแดงพระคริสต์ ดำเนินตามอย่างพระคริสต์ คนเหล่านี้แหละ ที่จะสามารถพูดเหมือนอาจารย์เปาโลได้

"ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์" (1โครินธ์ 11:1)

ลองให้เราสังเกตชีวิตของอาจารย์เปาโล ที่เหมือนพระเยซูคริสต์อย่างมาก อาจารย์เปาโลบอกให้เหล่าสาวกเลียนแบบท่าน ท่านไม่กลัวตาย ท่านไม่ได้ทุกข์เพราะกลัวตาย แต่ท่านเป็นห่วงเหล่าสาวกที่ยังมีชีวิตอยู่

นี่เป็นคำกำชับของอาจารย์เปาโล ต่อคนที่ท่านรัก คือ ทิโมธี ท่านไม่ห่วงว่าท่านจะตายอย่างไร ท่านพร้อมที่จะตาย เพราะรู้ว่าตายแล้วได้กำไร ได้บำเหน็จอย่างแน่นอน แต่ท่านเป็นห่วงทิโมธี ที่จะทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้อย่างเต็มชีวิตจิตใจ อย่างที่อาจารย์เปาโลได้ทำแล้ว

คำกำชับเหล่านี้ เป็นคำกำชับสุดท้าย ก่อนที่เปาโลจะตาย เป็นการกำชับต่อพระพักตร์พระเจ้า ต่อพระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งจะพิพากษาคนเป็นและคนตาย ทั้งคนที่เชื่อและคนที่ไม่เชื่อ ผู้ซึ่งจะเสด็จกลับมาอย่างแน่นอน

คนที่ไม่เชื่อ จะได้รับการพิพากษาตามการกระทำ แต่เรา ผู้ซึ่งเป็นลูก จะมิได้ถูกพิพากษาเกี่ยวกับการดีการชั่วเพื่อที่จะเข้าสวรรค์ การพิพากษาไม่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แต่จะเป็นการพิพากษาเพื่อจะปูนบำเหน็จ ในฐานะที่เป็นลูก บำเหน็จเหล่านี้จะได้รับก็ต่อเมื่อเราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ นั่นคือ การประกาศ

การประกาศนั่นไม่ง่าย เหมือนที่อาจารย์เปาโลบอกว่า คนจะไม่ฟังความจริง สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะต้องเชื่อฟังพระเจ้า

ดังเช่น เอเสเคียล พระเจ้าให้เขาพูดกับอิสราเอล แม้ว่าอิสราเอลจะไม่ได้ฟัง แต่ท่านก็เชื่อฟัง

พระองค์จะให้บำเหน็จแก่คุณและผม ให้พรแก่คุณและผม ที่จะเผชิญได้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระองค์ไม่ประสงค์ให้ใครได้รับความพินาศ

อาจารย์เปาโลได้กำชับทิโมธี ซึ่งคำกำชับเหล่านี้สำคัญที่สุด

หญิงคนหนึ่ง มีอายุมากแล้ว แต่ชีวิตของท่านสำแดงพระเจ้าอย่างมาก ท่านดูแลอาจารย์สมศักดิ์เป็นอย่างดีขณะที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ

จนวันที่ท่านเสียชีวิต คำสั่งเสียสุดท่านที่ท่านกล่าวแก่อาจารย์สมศักดิ์ คือ "รักพระองค์ให้มาก ๆ นะ แล้วเราจะเจอกันที่สวรรค์" คำสั่งเสียสุดท้ายนี่เอง ที่มีความหมายต่อชีวิตของอาจารย์สมศักดิ์อย่างมาก

การที่เราติดตามพระเจ้า และปรนนิบัติพระเจ้า มีแต่ได้และได้ ผมไม่เคยผิดหวังเลย ผมเป็นเศรษฐี ร่ำรวยที่สุด เพราะคนที่ร่ำรวยที่สุด คือคนที่ยากจนแต่รู้สึกพอ และเผชิญกับมัน นี่แหละคือการเป็นมหาเศรษฐี แต่คนที่ยากจนที่สุด คือคนที่ร่ำรวย แต่ไม่รู้จักพอ คนเหล่านี้ จะมีเงินมากเท่าไหร่ สำเร็จมากเท่าไหร่ ก็จะไม่รู้สึกว่าพอ ไม่อิ่มใจในสิ่งใดเลย เพราะเขาขาดสันติสุข ซึ่งสันติสุขนี้ไม่สิ่งใดในโลกที่ให้ได้ นอกจากพระเยซู ถ้าปราศจากพระองค์ เราจะไม่มีวันอิ่มได้เลย

"13 พระเยซูตรัสตอบว่า "ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก
14 แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์" (ยอห์น 4:13-14)

"ขโมยนั้นย่อมมา เพื่อจะลัก และฆ่า และทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์" (ยอห์น 10:10)

การครบบริบูรณ์ ไม่ได้หมายว่าเราจะมีทุกอย่าง แต่เรามีพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา

เราทั้งหลาย ขณะที่มีชีวิตอยู่ มีเพียงชีวิตเดียว ขอพระเจ้าที่จะสอนให้เรารู้จักการจัดลำดับความสำคัญในชีวิิต ที่เราจะให้พระองค์ก่อน แล้วเราจะไม่ขาดสิ่งจำเป็นใด ๆ เลย

"แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้" (มัทธิว 6:33)

เมื่อเราได้พระคริสต์ เราจะไม่ขาดสิ่งใดเลย เมื่อเรารู้จักพระองค์ เราจะสามารถดำเนินตาม เชื่อฟัง ยำเกรงพระองค์อย่างอัตโนมัติ

คำสั่งที่อาจารย์เปาโล กำชับทิโมธี คือ ให้ทำหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐ

ความจริงที่อยากให้ทำความเข้าใจ ว่า ทำไมเราจึงต้องประกาศ? คำตอบก็คือ เพราะนี้เป็นหน้าที่ของคุณและผม



หน้าที่ของคริสเตียน
คริสเตียนมีหน้าที่สำคัญ 3 อย่าง ได้แก่

1. ประกาศข่าวประเสริฐ และประกาศพระวจนะของพระเจ้า

2. ทำพันธบริการ คือ การบริการที่ไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับสิ่งตอบแทนในสิ่งที่เราทำ เป็นการแสดงออกถึงน้ำใจของพระคริสต์ พระเจ้าต้องการที่จะให้เราเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นได้เห็น เป็นการทำดีเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถ่อมใจ ยอมทำแม้ในสิ่งที่คนอื่นไม่อยากทำ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างเรื่องการถ่อมใจปรนนิบัติรับใช้

3. อธิษฐาน เราทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า วิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีหน้าที่ที่จะอธิษฐานเผื่อบรรดาประชาชาติ

สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา และพระเจ้าจะได้รับเกียรติในชีวิตของเรา แล้วพระเจ้าจะทรงอวยพรเราอย่างแน่นอน

อาจารย์เปาโลกำชับให้เราทำหน้าที่เหล่านี้ให้สำเร็จ ให้เราทำหน้าที่สุดกำลัง และสิ่งที่เราจะต้องต่อสู้ คือ เนื้อหนัง เราจะต้องต่อสู้อย่างสุดกำลัง เพราะนี่เป็นอุปสรรคที่สำคัญ เราอาจจะเห็นว่าเป็นสิ่งยาก แต่อย่าลืมว่า ชีวิตของเราตายแล้วกับพระคริสต์ แล้วชีวิตที่เรามีอยู่นี้ ก็คือพระคริสต์ที่อยู่ในเรา ดังนั้น เรามีชัยชนะได้อย่างแน่นอน

"แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้" (1โครินธ์ 9:27)

ขอเปรียบเทียบกับทหาร ถ้าหากเราไม่ยิงคู่ต่อสู้ เขาก็จะยิงเรา ดังนั้น เราจะต้องเด็ดเดี่ยว จัดการกับศัตรูนี้ คือเนื้อหนัง เพื่อให้พระเยซูคริสต์ได้พอใจในชีวิตของเรา

ชีวิตในพระคริสต์ เราต้องระวังที่จะไม่ต้องใช้เหตุผล ดังเช่นทหาร แม้ว่านายจะสั่งอย่างไร ก็จะต้องเชื่อฟัง นี่คือวินัย เราในฐานะที่เป็นทหารของพระคริสต์ เราจะต้องสู้สุดกำลัง แข่งขันจนถึงที่สุด เรามิได้แข่งเพื่อชนะใคร แต่แข่งเพื่อถึงหลักชัย เพื่อจะไ้ดรับรางวัล และในขณะที่แข่ง เราจะต้องรักษาความเชื่อ เชื่อฟัง และกระทำตาม ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ เราก็จะชื่นชมยินดีเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา



ทำไมเราต้องประกาศ?
เหตุที่เราต้องประกาศ เนื่องจาก

1. เป็นหน้าที่ของเรา

2. เป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์

3. มีเสียงร้องเรียกเราจากทุกด้าน ทั้งจากเบื้องบน (อิสยาห์ 6:8) จากคนรอบข้างที่ต้องการความรอด เพราะทุกคนต้องการพระเยซู (กิจการ 10 เรื่องเปโตรและโครเนลิอัส) และนอกจากนี้ ยังมีเสียงจากบึงไฟนรก ที่ต้องการที่จะให้เราประกาศแก่ญาติมิตรสหายของเขา ที่จะไม่ต้องไปประสบความทุกข์ยากเหมือนพวกเขา (ลาซารัสและเศรษฐี)

"และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า 'เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา' แล้วข้าพเจ้าทูลว่า 'ข้าพระองค์นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด' " (อิสยาห์ 6:8)

พระองค์ตรัสสั่งเหล่าสาวก สาวกเหล่านั้นไม่ได้มีอะไรที่เหนือไปกว่าเราเลย พวกเขาเคยปฏิเสธพระองค์ เป็นแค่คนธรรมดา เพียงแค่เขารู้จักพระองค์ แต่พระองค์ตรัสสั่งในพระมหาบัญชาของพระองค์ เป็นตัวแทนพระองค์ และเมื่อพวกเขาเชื่อฟัง ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็ได้เกิดในชีวิตของเรา

นี่เแหละ เช่นเดียวกัน ถ้าหากเราถวายตัวให้พระคำ ให้กับคริสตจักร เราก็จะได้รับการเปลี่ยนใหม่ เพื่อพันธกิจในการประกาศ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำตลอดชีวิต เมื่อเราทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยพึ่งพาพระวิญญาณ ชีวิตของเราก็จะเป็นแบบอย่าง เป็นเกลือและแสงสว่าง สำแดงให้คนทั้้งหลายเห็นว่า เราอยู่กับเขา อยู่เหมือนกับเขา แต่ไม่เหมือนเขา เขาเหล่านั้นก็จะได้รับการท้าทายให้มามีชีวิตเหมือนกับเรา

ถ้าเราทั้งหลายเห็นพระคุณความรักของพระเยซูคริสต์เจ้า เราก็จะอดไม่ได้ที่รับใช้พระองค์ เชื่อฟังพระองค์ ประกาศเรื่องราวของพระองค์ และถ้าเราเชื่อฟัง สัตย์ซื่อในการประกาศ ประกาศอย่างสุดกำลัง สุดใจ และพึ่งพาพระวิญญาณ ก็จะไม่เป็นการยากเลย ที่เราจะได้รับการทรงนำจากพระองค์ เราจะได้เห็นการทรงสถิตอยู่ของพระองค์เสมอ ของประทานที่จำเป็นพระองค์ก็จะประทานให้แก่เราเสมอ

4. พระเยซูคริสต์ผู้เดียวที่เป็นทางแห่งความรอด

"ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า" (กิจการ 4:12)

5. ข่าวประเสริฐมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น เป็นผู้เดียวที่ชนะความตาย ชนะบาป ชนะเนื้อหนัง ชนะโลก บริสุทธิ์ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นข่าวประเสริฐที่เราจะบอกคนทั้งหลายได้ เป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง พระองค์ทรงเป็นผู้เดียว ที่เรากล้าบอกได้ว่า "พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็น"

6. ถ้าเราไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดขึ้นแก่เรา การประกาศเป็นเหมือนการออกกำลัง ที่เราจะต้องฝึกฝน ยิ่งประกาศ จะยิ่งแข็งแรง ยิ่งมั่นคง ไม่อับอาย ไม่อ่อนแอ จะได้ทั้งพรและบำเหน็จ ได้รับการสร้างจากการประกาศพระกิตติคุณอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเราประกาศ เราจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่และฤทธิ์เดชของพระเจ้า

7. ใกล้ที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาแล้ว

ถ้าเราฝึกที่จะทำหน้าที่นี้อย่างสัตย์ซื่อ พระองค์จะทรงประทานสิ่งต่าง ๆ ให้แก่เรามากกว่าที่เราคิด ชีวิตของเราก็จะเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อนั้น เราจะขอสิ่งใด เราก็จะได้รับสิ่งนั้น

ค่ำคืนนี้ เมื่อเห็นความสำคัญของการประกาศ รู้ว่าคนอีกมากมายกำลังจะไปสู่ความตาย เสียงจากนรกก็เรียกร้องที่จะให้คนประกาศแก่ญาติมิตรของเขา จึงขอเรียกร้องให้เราถวายตัวเพื่อการประกาศ และเมื่อเราจะถวายตัวเพื่อการประกาศ เราจะต้องสนใจเรื่องคน เราจะต้องใส่ใจในการพูดการกระทำต่าง ๆ เพราะเราจะต้องประกาศแก่คน

เมื่อพระองค์ทรงใช้เราแล้ว พระองค์มิได้ทรงให้เราตัวเปล่า แต่ทรงประทานสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นให้แก่เราอย่างแน่นอน ทรงสถิตย์อยู่ด้วย เราจะเห็นฤทธานุภาพของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์ทรงสัญญาจะอยู่กับเราตลอดไป



ศจ. สมศักดิ์ ชูสงฆ์

เทศนาฟื้นฟู 2, ค่าย Youth Challenge 2009

เมื่อวันที่ 04/04/2009

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map