Custom Search By Google

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

นพ.สุทิตต์ กุลสรรค์ศุภกิจ 090409







http://www.123glitter.com/comments-graphics/

• เหตุการณ์ตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เป็นแก่นแกนความเชื่อของคริสเตียน
• หากมีข้อหักล้างได้ว่าพระเยซูไม่ได้ฟื้นจากความตาย ทุกอย่างในชีวิตเราจะเป็นลมเป็นแล้งไปหมด
• ตลอดทุกยุคทุกสมัย ยังไม่มีผู้ใดหักล้างคำกล่าวอ้างของผู้เชื่อได้ คริสเตียนผู้เชื่อในพระเจ้าจึงยังคงดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อในทุกยุคสมัย

1คร15:14-19 14 ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่มีหลักด้วย
15 และก็จะปรากฏว่าเราอ้างพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราอ้างพยานว่าพระองค์ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทรงชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา
16 เพราะว่าถ้าการชุบให้เป็นขึ้นมาไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา
17 และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน
18 และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย
19 ถ้าในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง

• การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์มีความสำคัญกับเรา โดยแสดงความหมายให้เราเห็นในหลายเรื่องดังต่อไปนี้

1. แสดงว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าจริง

• การฟื้นคืนชีวิตเป็นเรื่องอัศจรรย์เกินธรรมชาติ
• การฟื้นคืนพระชนม์เป็นการแสดงว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง
• ลบคำกล่าวหาว่าพระองค์แอบอ้างว่าเป็นพระเจ้า/สำคัญตนผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า

มธ17: 9 เมื่อลงมาจากภูเขาพระเยซูตรัสห้ามเหล่าสาวกว่า “นิมิตซึ่งพวกท่านได้เห็นนั้น อย่าบอกเล่าแก่ผู้ใดจนกว่าบุตรมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย

รม1:4 แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า

• ไม่มีใครที่ตายเป็นศพแล้วฟื้นคืนชีวิตได้อีก
• อาจมีข่าวว่าบางคนสิ้นลม เพิ่งตายไปแล้วแพทย์ปั๊มหัวใจขึ้นมาใหม่ เป็นการฟื้นชีวิตได้อีกครั้ง อันนั้นเป็นเรื่องทางการแพทย์
• แต่การตายแล้วฟื้นของพระเยซูไม่เหมือนของคนทั่วไป พระองค์ตายด้วยร่างกายที่แหลกเหลว
• พระองค์ถูกเฆี่ยนด้วยแส้ที่ห้อยลูกเหล็กและกระดูกสัตว์ ลูกเหล็กทำหน้าที่ทำให้กระแทกให้เนื้อหนังช้ำ กระดูกสัตว์ทำหน้าที่ตะกุยเนื้อและหนังออกมา
• ทรงถูกตรึงกางเขน และถูกเอาหอกแทงที่สีข้างทะลุหัวใจเพื่อพิสูจน์ว่าตายแน่
• บาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายขนาดนี้ หากฟื้นขึ้นมาได้ ต้องแตกต่างจากคนที่อ้างว่าสิ้นลมแล้วถูกปั๊มหัวใจขึ้นมาอย่างแน่นอน
• การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ไม่ใช่การกลับชาติมาเกิดแล้วค่อยๆโต แต่ฟื้นอย่างสมบูรณ์ในวันที่สามหลังจากสิ้นพระชนม์
• การฟื้นคืนพระชนม์ไม่ใช่เพียงอุปาทาน ไม่ใช่เป็นภูตผี แต่มีร่างกายสมบูรณ์ พบปะกับผู้คน กินอาหารด้วยกัน พูดคุยกัน ต่อหน้าคนมากกว่า 500 คนที่เป็นสาวกของพระองค์ ก่อนเสด็จลอยสู่สวรรค์ เป็นเวลานานถึง 40 วัน
• การฟื้นพระชนม์ของพระองค์เปลี่ยนหัวใจของสาวกที่กำลังอยู่ในความหวาดกลัว กลับกลายเป็นความกล้าหาญ
• เขาทั้งหลายประกาศว่าพระองค์เป็นพระเจ้า และไม่กลัวตายแม้จะจับไปฆ่าก็จะประกาศเรื่องนี้ต่อไป

2.แสดงว่าพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจเหนือความตาย

• วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์พระเจ้าได้
• ตายแล้วฟื้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์ วิถีทางที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้
• เป็นการบอกว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ แต่ไม่สามารถอธิบายเรื่องพระเจ้า
• โลกนี้มีพระเจ้าเที่ยงแท้ที่อยู่เหนือเทคโนโลยีและความสามารถของมนุษย์ อย่างแน่นอน

ยน5:21 เพราะพระบิดาทรงทำให้คนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมามีชีวิตฉันใด ถ้าพระบุตรปรารถนาจะกระทำให้ผู้ใดมีชีวิตก็จะกระทำเหมือนกันฉันนั้น

ยน 11:25 พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก

• พระองค์ทรงฟื้นจากความตาย แสดงว่าทรงมีชัยชนะเหนือความตาย
• พระองค์มีอำนาจให้คนอื่นๆฟื้นจากความตายด้วยเช่นเดียวกัน
• ทรงกระทำพันธกิจนี้แล้วตั้งแต่ก่อนสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน โดยทรงฤทธิ์อำนาจให้ลาซารัสที่ตายไปแล้วสี่วัน ฟื้นจากความตาย

มธ.9:24-26 24 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ตาย เป็นแต่นอนหลับอยู่” เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์
25แต่เมื่อขับฝูงคนออกไปแล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้าไปจับมือเด็กหญิงและเด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้น
26แล้วกิตติศัพท์ก็ลือไปทั่วแคว้นนั้น

ลก.7:12-15 12 เมื่อมาใกล้ประตูเมืองนั้น ดูเถิด มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เป็นลูกคนเดียวของแม่ และนางก็เป็นหญิงม่าย ชาวเมืองเป็นอันมากมากับหญิงนั้น
13เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นมารดานั้น พระองค์ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสว่า “อย่าร้องไห้”
14แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ถูกต้องโลง คนหามศพนั้นก็หยุดยืนอยู่ พระองค์จึงตรัสว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งเจ้าว่า ลุกขึ้นเถิด”
15 คนที่ตายนั้นก็ลุกนั่งเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา

ยน.11:39-44 39 พระเยซูตรัสว่า “จงเอาหินออกเสีย” มารธาพี่สาวของผู้ตายจึงทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ป่านนี้ศพมีกลิ่นเหม็นแล้ว เพราะว่าเขาตายมาสี่วันแล้ว”
40 พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า”
41 พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์
42 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
43 เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงเปล่งพระสุรเสียง ตรัสว่า “ลาซารัสเอ๋ย ออกมาเถิด”
44 ผู้ตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงแก้ผ้าที่พันออกเสีย แล้วปล่อยเขาเถิด

• การฟื้นคืนพระชนม์เป็นการยืนยันอำนาจของพระองค์เหนือความตายอีกครั้งหนึ่ง

1คร15:26 ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายนั้นก็คือความตาย

3. แสดงว่าพระองค์ทรงสัพพัญญูและทรงไว้ซึ่งความสัจจริง

• ทุกอย่างอยู่ในแผนการน้ำพระทัยของพระเจ้าตั้งแต่แรก
• ทรงพยากรณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะตายและฟื้นในสามวัน
• ทรงสัจจริง ทรงทำตามสิ่งที่พระองค์บอกไว้

มธ16:21 ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ และพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่

มธ17:22-23 22 ครั้นพระองค์กับเหล่าสาวกชุมนุมกันอยู่ในแคว้นกาลิลี พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้
23และจะประหารชีวิตท่านเสีย ในวันที่สามท่านจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่” พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ยิ่งนัก

มธ 20:18 18 เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย
19 และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่

4. แสดงว่าพระเจ้าทรงรักและห่วงใยมนุษย์อย่างแท้จริง

ยน3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

• ทรงทนทุกข์ทรมานในการตายไถ่บาปให้มนุษย์

ลูกา 22:42-44 42 ว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด”
43 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่พระองค์ ช่วยชูกำลังพระองค์
44 เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนัก พระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐาน พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่

ยอห์น 13:1 ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด

• ทรงเมตตาให้มนุษย์เห็นพระองค์หลังจากพระองค์คืนพระชนม์
• ทรงตายไถ่บาปให้มนุษย์แล้ว ไม่ต้องให้มนุษย์เห็นก็ได้
• ความเป็นพระเจ้ายังคงเป็นพระเจ้าเหมือนเดิม แต่ทรงให้เราเห็นพระองค์ เพื่อให้เราเชื่อวางใจว่าโลกนี้มีพระเจ้า

5. แสดงการยกโทษบาปที่สมบูรณ์

• การรับโทษความผิดบาป ต้องจ่ายราคาด้วยความตาย
• มนุษย์ทุกคนต้องตาย เคยสงสัยไหมว่า ทำไมชีวิตมนุษย์ต้องตาย ทำไมต้องลงเอยด้วยรูปแบบนี้เสมอไป ไม่มีรูปแบบอื่นบ้างหรือ
• คำตอบคือ เพราะมนุษย์ทำบาปเสมอ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดเลยที่อยู่นอกเกณฑ์นี้
• ไม่ต้องมีใครมาสอนให้ทำบาป ทุกคนก็ทำผิดบาป ความเห็นแก่ตัวเป็นธรรมชาติอยู่แล้วตั้งแต่แรกเกิด แย่งของกัน ทุบตีกัน โกหกเป็นธรรมชาติ
• หากเราไม่หลอกตัวเอง จะรู้ว่ามีหลายสิ่งที่ไม่ดีที่เรายังทำอยู่ เพียงแต่ละเลยไม่พูดถึงมันเท่านั้น
• ความผิดบาปทำให้ทุกอย่างเสื่อมโทรมไป ความผิดบาปกีดกั้นเราจากพระเจ้าผู้ปราศจากบาป
• ในอดีต มนุษย์รู้ว่าตัวเองทำบาป จึงจ่ายราคาความผิดของตัวเองด้วยชีวิตของสัตว์ นำไปฆ่าเพื่อไถ่ความผิดบาปของตน แต่มันมีค่าไม่เท่ากัน ชีวิตคนกับชีวิตสัตว์ ทนแทนกันไม่ได้ จึงต้องมีการฆ่าสัตว์เพื่อชดใช้ความผิดบาปอยู่เรื่อยๆ
• พระเจ้าจึงต้องลงมาเป็นมนุษย์ เป็นพระเยซูและทรงรับโทษแห่งความตายแทนมนุษย์เพื่อทดแทนความผิดบาปแทนเรา เราจึงไม่ต้องรับโทษบาปเอง
• เมื่อเราพ้นจากบาปเราจะสามารถกลับมาสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ได้อีกครั้งหนึ่ง
• การตายไถ่บาปของพระเยซู จึงเป็นการไถ่ที่สมบูรณ์ และกระทำเพียงครั้งเดียวเป็นพอ

ฮีบรู 9.22 ความจริงนั้นตามพระบัญญัติถือว่า เกือบทุกสิ่งจะบริสุทธิ์เพราะโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย

ฮีบรู 9:12 พระองค์เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์แก่เรา
ฮีบรู 9:25 พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก เหมือนอย่างมหาปุโรหิตที่เข้าไปในที่บริสุทธิ์ทุกปีๆ นำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย
6. แสดงว่าจะต้องมีการพิพากษาโทษบาปเป็นแน่

• พึ่งตัวเองไม่มีทางหลุดจากความบาปแน่
• บุญและบาปไม่สามารถหักล้างกันได้
• ต้องมีผู้จ่ายราคาความผิดบาปแทนเรา และเราต้องยินดีรับไว้ มิเช่นนั้นต้องรับโทษความผิดบาปของตัวเองด้วยตัวเอง

ยน3:18-21 18 ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
19หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม
20เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ
21แต่ผู้ที่ประพฤติชอบก็มาสู่ความสว่าง เพื่อให้เห็นว่า การกระทำของเขานั้นได้กระทำโดยพึ่งพระเจ้า

กิจการของอัครทูต 17:30-31 30 ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ แต่เดี๋ยวนี้ พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่
31 เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม โดยมนุษย์ผู้นั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ และพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คนทั้งปวงมีความแน่ใจในเรื่องนี้ โดยทรงให้มนุษย์ผู้นั้นคืนชีวิต"

7. เพื่อเป็นผู้ที่อธิษฐานเผื่อเรา

• พระองค์ทรงเป็นมหาปุโรหิตอธิษฐานให้เราบนแผ่นดินสวรรค์

1ยอห์น 2:1 ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าผู้ใดทำบาป เราก็มีพระองค์ผู้ทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น

ฮีบรู 7:25 ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสามารถเป็นนิตย์ที่จะช่วยคนทั้งปวง ที่ได้เข้ามาถึงพระเจ้า โดยทางพระองค์นั้นให้ได้รับความรอด เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ เพื่อช่วยทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น

โรม 8:34 ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์น่ะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิตณเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย

การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เรามีความหวังอันประเสริฐ

1เปโตร 1:3 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

1. มีผลต่อประสบการณ์ในอดีตของเรา

• ความหวังอันประเสริฐลบล้างประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีต
• ประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีตไม่สามารถผูกมัดชีวิตของเราได้อีกต่อไป
• เรามีเสรีภาพในการทำการดีทุกประการ

2. มีผลต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของเรา

• ทำให้เราเข้าใจความหมายของชีวิต
• ความหวังใจแท้ช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตอย่างมีความหมาย
• อุตสาหะพากเพียร ไม่ลุ่มหลงไปกับโลกนี้ที่ไม่จีรัง

3. มีผลต่อบั้นปลายในอนาคตของเรา

• รอดจากบึงไฟมรณะ รอดจากโทษแห่งความผิดบาปที่เรากระทำในชั่วชีวิตของเรา
• ได้อยู่กับพระเยซูบนแผ่นดินสวรรค์


----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

My Blog

  • วินัยของน้องหมา (ข้างถนน) - วันที่ 18/8/2011 เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอ...
    12 ปีที่ผ่านมา
  • บทความคริสเตียน - บทความคริสเตียน http://www.gracezone.org/index.php/christian-articles บทความทางด้านจิตวิญญาณ หลักข้อเชื่อ พระเจ้า พระคัมภีร์ พระเจ้า พระคัมภีร์ แนวทางในการ...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู - คริสเตียนกับการรับใช้พระเยซู วัน พุธ 08 ต.ค. 08@ 17:47:37 ICT หัวข้อ: สรุปคำเทศนาประจำอาทิตย์ ดร.ทะนุ วงค์ธนานุกุล วัน อาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2008 พระธร...
    15 ปีที่ผ่านมา
  • - แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้...
    15 ปีที่ผ่านมา

Christian Blog

บล็อกวาไรตี้

เทคโนโลยี

ดาวน์โหลดโปรแกรมมาใหม่ล่าสุด |

วาไรตี้

ข่าวประจำวัน

สารบัญเว็บไทย

กินลม ชมทะเล ที่มาร์คเฮ้าส์บังกะโล เกาะกูด จ.ตราด

Thailand Map